วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557
7 วิธีการ trade หุ้นในตลาดหุ้นให้ได้กำไร และ โอกาสขาดทุนเป็น 0
7 วิธีการ trade หุ้นในตลาดหุ้นให้ได้กำไร และ โอกาสขาดทุนเป็น 0
พยายามคิดย้อนกลับไปช่วงต่างๆนะคะ รายละเอียดตกหล่นอย่าว่ากันนะคะ
หลายวันมานี้ ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่ดิฉันตัดสินใจที่จะ โพสข้อความลง pantip อีกครั้ง .... คงเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ ท่านอยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ มีหลายท่าน inbox มาถามไถ่เยอะแยะเลยค่ะ มาปรึกษาก็เยอะ มาขอตามมาอยู่ด้วยก็มาก หลายคนคงคิดว่า เออ.... แม่นเนาะ เก่งเนาะ หรือ บังเอิญมากกว่า ....แต่ถึงแม้ท่านจะคิดเห็นอย่างไรไม่สำคัญไปกว่า สิ่งที่ดิฉันจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ค่ะ ....ไม่เลย ดิฉันไม่ได้เก่ง ดิฉันไม่ได้แม่นอะไรเลยค่ะ .... แต่สิ่งที่ดิฉันมีคือ เป็นคนยอมรับความจริง เป็นคนไม่ฝืน ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่อายที่จะพลาดแล้วกลับลำ ไม่คิดว่ามันคือการสียหน้า เพราะแค่คิดว่า พลาดแล้วคือเสียหน้า ....คุณได้เสียหายแบบกู่ไม่กลับ อันนั้น แย่กว่า ....เพราะดิฉันคิดเสมอว่า มนุษย์นั้นไม่ใช่โปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาให้พลาดไม่เป็น แต่ความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์นี่หล่ะค่ะ คือ สิ่งมหัศจรรย์ เพราะมนุษย์ไม่ได้ถูกตั้งมาว่าต้องหันได้เพียงด้านเดียว แต่ ใน 1 นาที คุณสามารถหันซ้ายชำเลืองขวาได้ค่ะ ....
ในชีวิตการเป็นมาร์เก็ตติ้งของดิฉัน ตลอดจนมาถึงตำแหน่งที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาได้นั้น ดิฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย ผิดพลาดพลั้งเผลอ ล้มเจ็บมาเยอะค่ะ แต่ท้ายที่สุด วันที่เราอดทนมันก็ออกผลให้เราได้ลิ้มรส ก็ต้องเรียกว่าครบรสหล่ะค่ะ เอาเป็นว่า ตอนนี้ มีความสุขกับตรงนี้ก็พอเนาะ เดี๋ยวจะยาวไปมากกว่านี้ ทุกท่านจะเบื่อซะก่อน วันนี้ ดิฉันจะมาบอกเล่าเรื่องราว สนุกสนาน ขำ ๆ สบาย ๆ นะคะ ไม่เครียดค่ะ มาดูกันว่า 12 ปี กับการทำงานนั้นดิฉันเจอลุกค้าประเภทไหนบ้าง มีทั้ง success และ fail นะคะ มาดูกันว่า เป็นแบบไหนบ้าง ช่วงแรกจะซีเรียสนิดนึงค่ะ ขอให้อดทนอ่านไปก่อน แล้วหลัง ๆ จะสนุก
Fail : ล้มเหลว ขาดทุน ด่าว่าตลาด โทษทุกสิ่งอย่างรอบตัว บางคนถึงขั้นลาขาดจากวงการเลยค่ะ
1. ไม่ขายไม่ขาดทุน เพราะเงินเย็น : นานมาแล้ว ที่มีลุกค้าแบบนี้ ทุกวันนี้ บางคนเจ๊งจนเลิก บางคนเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ..... ดิฉันมีลุกค้า 2 คน จริง ๆ แล้วมีมากกว่า 2 แต่ขอเล่าแค่นี้ แล้วคิดตามก็พอค่ะ ...ติด BANPU 800 บาท ช่วงน้ำท่วมดิฉันบอกลุกน้องว่า โทรหาลุกค้า แล้วบอกว่า 780 ให้ขายออกก่อน แล้วไปรอรับใหม่แถว 600 บาท อ่ะ ....โทรไปละปรากฏว่า เขาบอกว่า *** ไม่เป็นไรครับ เงินเย็นผมถือได้ ผมเชื่อมั่นในพื้นฐาน ..... พอลงมา 750 บอกให้ขายอีก ก็พูดคำเดิม ถือลงทุนครับ 680 บาท คราวนี้ ดิฉันโทรเองเลยค่ะหลังจากฟังเหตุผลจากเราแล้ว เขาก็บอกว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ค่าคอมหรอก คุณขอมาละกันจะให้เทรดเดือนเท่าไร ( ณ จุดนั้น อึ้งสิคะ ...ยอมรับอย่างเต็มศักดิ์ศรีค่ะ ว่า ค่าคอมน่ะก็อยากได้นะคะ แต่ อยากให้ลุกค้ารอดมากกว่า วันนั้น ด้วยความโมโห เลยวางสายหลังจากคุยกันไม่รู้เรื่อง ...เหนื่อย !!! ) ..... ส่วนอีกคน ติดที่ 804 บาท มั้งคะ จำไม่แม่น แต่ คนนี้ยอมทิ้งที่ 720 บาท ต้องเรียกว่า พี่คนนี้เขา cut ทั้งน้ำตาค่ะ เพราะเข้าเนื้อเยอะ ถือตั้ง 5000 หุ้น เมื่อเทียบกับเงินลงทุนของเขา แกหงุดหงิดอยู่พักใหญ่ หยุดเล่นเลย ไม่คุยกันนานมากกก แกบอกขอรักษาแผลใจ เพิ่งมาคุยกัน 2-3 เดือนก่อน ประกอบกับ แกมารับคืนBanpu 226 บาท ได้หุ้นมา 15,500 หุ้น เทียบกันทางบัญชี ไม่สนมูลค่าจริงตามตลาดนะคะ เท่ากับว่า คนนี้ เขาไม่ขาดทุน แต่กำไรมา 10,500 หุ้น แถม ขาย 310 บาทออก เขากลายเป็นกำไรเลยค่ะ ….. ย้อนกลับมาที่ คนแรกกันก่อน เขาบอกเงินเย็น แต่พอลงมาไม่หยุดเลย เริ่มร้อนสิคะ ยิ่งร้อนใหญ่เลยเมื่อเห็น 300 บาท จนทุกวันนี้ แกถึงกับเอ่ยปากเลยว่า จะไม่ถือหุ้นมาราธอนอีกแล้ว ยิ่งซึมเศร้าไปใหญ่เมื่อเพือน ๆ เขากำไรหมดทุกคน ช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่แก ไม่ทำไรเลย เห็นไหมคะ แบบนี้เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายค่ะ
2. ตอนหุ้นแดง ๆ เน่า ๆ นิ่ง ๆ ชวนแล้วก็ไม่ซื้อ พอเห็นเขียว ๆ คันไม้คันมือ : บ่อยครั้งค่ะ ที่ พอหุ้นตกหนัก ๆ มาก ๆ คนมักกลัวกัน ซึ่งก็ไม่แปลก ไม่ผิดปกติ ค่ะ และ มักจะชอบตลาดเขียว ๆ ก็เพราะ แบบนี้ไงคะ คนแบบนี้ไม่แปลกเพราะเป็นคนส่วนใหญ่ของตลาดหุ้น ที่ไม่กล้ามองต่าง มองตรงกัน ....แบบนี้เข้าป่าไปเก็บเห็ด สายตาต่างจ้องมองไปทางเดียวกัน ไปเจอเห็นดอกเดียวกันแย่งกันจะเห็ดเละหล่ะค่ะ แต่อีกคน เขาคิดต่าง ฉีกเส้นทาง กล้าในจุดที่คนอื่นกลัวกัน มักจะเจอเห็ดกลุ่มใหญ่ นั่งเก็บจนล้นมือไปหมด เพราะไม่มีคนแย่ง กว่าคนจะมาเห็นเราหิ้วไปขายที่ตลาดได้เงินมาละ หรือ เอาไปทำกินก็อิ่มกันมาละ อ่ะ ....เข้าเรื่อง ค่ะ พอหุ้นที่ลงจนแช่ จน vol. แห้ง เหือด ก็ไม่ซื้อ เพราะผวา ตอนที่มันพากระโดดหน้าผา บางคนยังดามเฝือก ก็กลัว และท้ายที่สุดก็พลาดโอกาสดี ๆ ไป แล้ว มาพลาดที่สุดคือ มาซื้อตอนคนอื่นจะเป็นจังหวะขายสิคะ นั่นแหล่ะ ..... รับของค่ะ ก็เฝ้าดอยสูงไป ระยะ นี้ ก็ปล่อยข่าวหล่ะคะ ออกข่าวดี ให้เชื่อ รายย่อยจึงเป็นกลุ่มที่น่าเห็นใจ
3. ยึดมั่นถือมั่น : แต่หุ้นดันไม่มั่น กับเราค่ะ .... คือ เคสแบบนี้จะเจอคือ เขาบอกมา เพื่อนบอกมา เป้าเท่านี้ เสี่ยนี่จะลาก เป้าปลายปี แต่ เฮ้ย .... นี่เพิ่งต้นปีเองนะ อะไร ๆ ก็เปลี่ยนได้ แหม ....ไม่ได้บอกว่าห้ามมองระยะยาว การมองระยะยาวนั้น มันต้องมองผ่านงบค่ะ แล้วต่อจิ๊กซอว์เป็น ไม่ใช่ ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ลอกการบ้านถ้าถูกก็รวย พอเขาพลาดก็เจ็บ พวกนี้หาปลากินเองไม่เป็นแต่อยากรวย !!! หรือ ประเภทเชื่อคนอื่นไม่เชื่อตัวเอง มากไปก็ไม่ดี หรือ เชื่อตัวเองมากไปก็แย่ ดังนั้น .....ตรงกลางเถอะค่ะ รับสารเขามาพิจารณาแล้วตัดสินใจทำไปเลย
ตั้งแต่ทำงานมา เฝ้ามองตลาดหุ้น เห็นลูกค้ามาทุกรูปแบบ ตั้งแต่เป็นเจ้ามือเอง ยันเป็นแมงเม่าให้เขาเอาไฟลนปีก เอาเป็นว่า จะยกตัวอย่างเป็นกรณีๆไปนะคะ เป็นวิธีที่คุณเองก็ทำได้ ตามมาเล้ยยย
Successful :ประสบความสำเร็จ
กระดานที่ 1 : เจ้าพ่อช่างเก็บ
มีลูกค้ารายนึงค่ะ เป็นเจ้าธุรกิจ แกถือทนมากๆ ถือแล้วไม่ขาย ถือลงทุนจริงๆ คือเสียรอบออกจะบ่อยด้วยซ้ำ ดิฉันขี้เกียจคิดว่าถ้าแกทำรอบไปเนี่ย จะสามารถทำกำไรได้ขนาดนี้มะ ??? เพราะบางทีขายแล้วขายหมู แกบอกเองว่าแก ไม่มีเวลาดูดังนั้นจึงซื้อแล้วยาว ครั้งแรกที่แกเปิดพอร์ตคือช่วงปี 2549 มั้ง ราวๆนั้น จากนั้นแกซื้อหุ้นไป 3 ตัว มี banpu ktb shin ตอนนี้เป็น intuch แกติด banpu 167 ktb 12 บาท shin ราว ๆ 29 บาทมั้ง เหตุการณ์ อุ๋ย100 จุด ในปี 49 นั้น แกไม่ได้ซื้ออะไรเลยค่ะ เพราะอะไรก็ลืมละ แต่แกมาได้ถัว ktb 3.50 ตอน subprime จากนั้นก็เก็บมาเรื่ิอยนะคะ รวบรัดมาที่ แก happy มาก เพราะขาย banpu ราคาแถว 780 บาทค่ะ ขาย ktb 22 บาท ขาย shin หรือ intuch ที่ 75 บาท สรุป แกกำไรไป เกือบ 70 ล้านค่ะ ไม่คิดรวมปันผลนะคะ เอาแค่กำไรที่เห็นกับตาก็พอ --- ย้ำอีกทีนะคะ แกไม่มีเวลามานั่งเฝ้า แกหวงหุ้น แกดูกราฟไม่เป็น แกไม่อ่านบทวิเคราะห์ แต่แกมองจากความเป็นจริงใกล้ตัว แกบอกดิฉันอยู่ประโยคนึงว่า ขอบคุณนะที่ไม่เซ้าซี้ผม คือตอนนั้นบอกตรงๆว่า ดูแลลูกค้าก็หลายรายค่ะ เลย ไม่ได้โทรหาแกเลย จะนัดทานข้าวแค่ ปีละ 2 ครั้งเอง ก็รู้สึกผิดนะ ที่ส่งแค่ข่าว แต่ใส่ใจลูกค้าน้อยไป แต่พอมาคิดอีกที ถ้าไปกวนใจลูกค้ามากๆเข้า ไปคะยั้นคะยอเขาขายเขาอาจจะไม่ได้ 70 ล้านก็ได้ คิดบวก ++++ ...
กระดานที่ 2 : รักเดียวใจเดียว + สายป่านยาว คนนี้เคยเล่าคร่าวๆละ กะบทความฉบับก่อนๆ คือ แกเล่นหุ้นเป็นอยู่ตัวเดียวทั้งพอร์ตมีตัวเดียว เคยเสนอแผนงานให้แกนะคะ ว่าลองผสมสัก 3 ตัวไหม ไว้ถ่วงดุลกัน จะได้ไม่เจ็บทีเดียว แต่แกยืนกรานว่า no ... เหตุมาจากการติดหุ้น คือ แกเล่าว่าสมัยก่อนฝากเพื่ิอนเล่น แล้วติดหุ้น เพื่อนก๋ไม่บอก หลังๆ มาแกเปิดพอร์ตเอง เลยโอนหุ้นออกมา ---- คนนี้แกพอมีเวลา ก็นั่งเฝ้า หุ้นตกๆแกก็ถัว ๆๆๆ แกถัวขนาดไหนนั้นหลายคนคงคิดไม่ออก เอาหล่ะเพื่อให้เห็นภาพ เช่นแกซื้อ bay ไม้แรกติด ถ้าลงมา 3 % ถัวอีก ว่าง่ายๆถัวตลอดเส้นทาง 5555 จากเริ่มติดแค่ 1 แสนหุ้น ลงถึงจุดดัชนีดีดกลับนี่ ถ้ารอบเล็กๆก็มี 500,000 หุ้นอ่ะ ถ้ารอบกลางๆ มี ราวๆ 1,500,000 หุ้น ถ้ารอบใหญ่ระดับ 200 จุดขึ้นนี่ราวๆ 3 ล้านหุ้น และเวลาดีดกลับทำกำไรนี่ ต่ำ ๆเลย 15% ค่ะ ทุกรอบ ย้ำนะคะทุกรอบ และหุ้นที่เล่นนั่น พื้นฐานระดับ AAA แบบนี้ดิฉันจะเรียกแกว่า ...เฮียถัว ... ...^_^ คือถัวจนรวย ถัวแบบไม่กลัวเจ้งอ่ะ งานอดิเรกคือ บาคาล่า ที่ ปรอยเปรต !!!
กระดานที่ 3 : เล่นแต่ของคุ้นเคย ค่ะตรงตัวเลย ไม่เล่นแตกแถว มีลูกค้าท่านนึง เล่นเป็นแต่ kbank advanc และ true ( ค่ะ คุณอ่านไม่ผิด เขาชอบเล่น true มาก และขอบอกไม่เคยพลาดเลย ) หลักการของแกง่ายมาก ไม่ไล่ ไม่คัน ไม่ง้อ ลงก็ซื้อ ไม่ลงก็ไม่เล่น และจังหวะเข้าซื้อคือ เมื่อหุ้นลดราคา 10% ต่อ cycle จะเข้าซื้อ รายนี้เงินแกมีจำกัดค่ะ เลยไม่ถัวกระจาย ก็จะเข้าจนเต็ม max แหละ จากนั้นถ้ามันลงอีกแกก็ถือรอไป รอจนได้ขายค่ะ ดวงดีจริงๆ คนนี้เป็นพนักงานการไฟฟ้า เริ่มจากเงินเก็บ 500,000 ผ่านไป 6 ปี เงินกำไรที่ไม่เคยถอนออกเลยงอกมาเป็น 3.7 ล้านละ
กระดานที่ 4 : สะสมแบบเก็บเล็กผสมน้อย --- คนนี้มาเปิดพอร์ตตอนเรียนปี 4 สุดท้ายพอดี ก็มาเริ่มแคะกระปุกนะคะ มีเงินมา 80,000 บาท ก็มาแบบเงอะๆงะๆหล่ะค่ะ มี วอเรนต์ บัฟเฟต เป็น idol ก็ซื้อๆ ไป เกือบ 6 ตัว ปรากฎว่าติดทุกตัว เละทุกตัว ก็กลุ้มหนัก ไหนจะเงินค่าเรียน น้องคนนี้ก็รับงานเป็นติวเตอร์ และ งานอะไรหลายอย่างไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่าเขาจะมีเงินมาเก็บหุ้นทุกเดือน ๆละ 5000 -10000 บาท 1 ใน6 ตัวนั้น มีตัวนึงที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปค่ะ นั้นก็คือ cp-7 หรือ cpall นั่นเอง เขาเริ่มเข้าใจในการลงทุนมากขึ้น วันนั้นช่วงหวัดนก และตากใบ ดิฉันเป็นมาร์เด็กเหมือนกัน เขาก็ขอคำปรึกษา เรื่องเก็บตัวไหน cut ตัวไหน ดิฉันบอกเขาว่าถ้าเก็บได้จะเก็บ vibha นอกนั้น ขายทิ้ง แต่ลูกค้าคนนี้ฉลาดและ เก่งกว่าดืฉันในตอนนั้น คือ เขาตัดสินใจถูกค่ะ ที่เก็บ cpall และ มีติด vibha มาด้วย ตอนนั้น รู้สึกพอร์ตเขาจะมูลค่าเหลือ ราวๆ 70,000 ค่ะ เป็น cpall ราว ๆ เท่าไรก็ลืม แต่เอาเป็นว่ามี cpall เยอะกว่า สมัยนั้น 7 บาท เขาเรียนจบก็เข้าทำงานก็เจียดเงินเดือนมาเก็บหุ้นทุกเดือน คราวนี้เก็บแต่ cpall โดด ๆเลย คือ จนทุนเฉลี่ยเป็น 9.50 มี 90,000 หุ้นค่ะ มาขายเอาตอน 30 บาท จากนั้น ดิฉันย้ายที่ทำงาน เขาตามมาเปิดพอร์ท และเทรดสไตส์เดิมๆคือ เก็บสะสม จนทุกวันนี้ ผ่านมา 10 ปี นับจากเปิดพอร์ทครั้งแรก เขามีเงิน 14 ล้านบาทแล้วค่ะ --- ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน ที่สำคัญบ้านลูกค้าคนนี้ก็พ่อแม่เป็นครูค่ะ พื้นฐานไม่ใช่ลูกเจ้าสัวนะคะ ยังสำเร็จเลย
กระดานที่ 5 : ขาแช่งตลาด --- รายนี้ ไม่สนเดย์เทรด ไม่แคร์หุ้นพื้นฐานดี ไม่ศัทธาในปันผล ไม่มองอดีตไม่มองอนาคต มองแค่ว่า ปัจจุบันนี้ เมื่อไหร่ วันดีคืนดี หุ้นพรวดพราดลงแบบ panic หรือ เกิดวิกฤต นี่ แกซื้อทันตัวไหนแกซัดไม่เลี้ยง เน้นตัวเล็กๆที่ลงแรงๆและมี vol. คือ มีเท่าไรอัดเต็ม แล้วถือรอ อ่ะ จะว่าขำหรือ จะว่าเทคนิคแก ก็ไม่รู้ได้นะคะ ปี subprime นั้น แก ให้ซื้อ cig ราคา .22 ตังค์ คือมันทิ้งเร็วมากค่ะ ต้อง bid ถึงจะได้ของ กว่าจะครบ 10 ล้านหุ้นที่แกจะเอา ทุนก็โน่น 0.40 ค่ะ แล้วเอามาปล่อยขาย 2 บาท
Iec live bliss ด้วยแต่จำแม่นแค่ cig ค่ะ ช่วงนั้น เสี่ยมีเบอร์เขาดังค่ะ ก็สรุปคือ รอบนั้น แกกำไร 20 ล้านมั้ง ว่าง่ายๆ รอบที่พวกเราเล่นๆกันเนี่ยแก เล่นไม่เป็นนะคะ และไม่ยินดีที่จะศึกษาเลย เพราะกลัวติดแล้วจะเสีย !!!
......ต่อ อีกแผ่นนะคะ ..... สำหรับทุก comment เดี๋ยวดิฉันจะไล่ตอบทีละคนนะ. แล้วก็มีสมาชิกมาถามว่า แล้วคนที่เล่นตามหลักการแล้วเจ๊งมีไหม ก็ตอบว่า .... มีค่ะ ..... แล้วคืนนี้ถ้าไม่ล้าเกินไปจะเรียบเรียงให้นะคะ
หลายวันมานี้ ตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่ดิฉันตัดสินใจที่จะ โพสข้อความลง pantip อีกครั้ง .... คงเป็นประโยชน์กับหลาย ๆ ท่านอยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ มีหลายท่าน inbox มาถามไถ่เยอะแยะเลยค่ะ มาปรึกษาก็เยอะ มาขอตามมาอยู่ด้วยก็มาก หลายคนคงคิดว่า เออ.... แม่นเนาะ เก่งเนาะ หรือ บังเอิญมากกว่า ....แต่ถึงแม้ท่านจะคิดเห็นอย่างไรไม่สำคัญไปกว่า สิ่งที่ดิฉันจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ค่ะ ....ไม่เลย ดิฉันไม่ได้เก่ง ดิฉันไม่ได้แม่นอะไรเลยค่ะ .... แต่สิ่งที่ดิฉันมีคือ เป็นคนยอมรับความจริง เป็นคนไม่ฝืน ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่อายที่จะพลาดแล้วกลับลำ ไม่คิดว่ามันคือการสียหน้า เพราะแค่คิดว่า พลาดแล้วคือเสียหน้า ....คุณได้เสียหายแบบกู่ไม่กลับ อันนั้น แย่กว่า ....เพราะดิฉันคิดเสมอว่า มนุษย์นั้นไม่ใช่โปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาให้พลาดไม่เป็น แต่ความไม่สมบูรณ์แบบของมนุษย์นี่หล่ะค่ะ คือ สิ่งมหัศจรรย์ เพราะมนุษย์ไม่ได้ถูกตั้งมาว่าต้องหันได้เพียงด้านเดียว แต่ ใน 1 นาที คุณสามารถหันซ้ายชำเลืองขวาได้ค่ะ ....
ในชีวิตการเป็นมาร์เก็ตติ้งของดิฉัน ตลอดจนมาถึงตำแหน่งที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาได้นั้น ดิฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย ผิดพลาดพลั้งเผลอ ล้มเจ็บมาเยอะค่ะ แต่ท้ายที่สุด วันที่เราอดทนมันก็ออกผลให้เราได้ลิ้มรส ก็ต้องเรียกว่าครบรสหล่ะค่ะ เอาเป็นว่า ตอนนี้ มีความสุขกับตรงนี้ก็พอเนาะ เดี๋ยวจะยาวไปมากกว่านี้ ทุกท่านจะเบื่อซะก่อน วันนี้ ดิฉันจะมาบอกเล่าเรื่องราว สนุกสนาน ขำ ๆ สบาย ๆ นะคะ ไม่เครียดค่ะ มาดูกันว่า 12 ปี กับการทำงานนั้นดิฉันเจอลุกค้าประเภทไหนบ้าง มีทั้ง success และ fail นะคะ มาดูกันว่า เป็นแบบไหนบ้าง ช่วงแรกจะซีเรียสนิดนึงค่ะ ขอให้อดทนอ่านไปก่อน แล้วหลัง ๆ จะสนุก
Fail : ล้มเหลว ขาดทุน ด่าว่าตลาด โทษทุกสิ่งอย่างรอบตัว บางคนถึงขั้นลาขาดจากวงการเลยค่ะ
1. ไม่ขายไม่ขาดทุน เพราะเงินเย็น : นานมาแล้ว ที่มีลุกค้าแบบนี้ ทุกวันนี้ บางคนเจ๊งจนเลิก บางคนเปลี่ยนพฤติกรรมได้ ..... ดิฉันมีลุกค้า 2 คน จริง ๆ แล้วมีมากกว่า 2 แต่ขอเล่าแค่นี้ แล้วคิดตามก็พอค่ะ ...ติด BANPU 800 บาท ช่วงน้ำท่วมดิฉันบอกลุกน้องว่า โทรหาลุกค้า แล้วบอกว่า 780 ให้ขายออกก่อน แล้วไปรอรับใหม่แถว 600 บาท อ่ะ ....โทรไปละปรากฏว่า เขาบอกว่า *** ไม่เป็นไรครับ เงินเย็นผมถือได้ ผมเชื่อมั่นในพื้นฐาน ..... พอลงมา 750 บอกให้ขายอีก ก็พูดคำเดิม ถือลงทุนครับ 680 บาท คราวนี้ ดิฉันโทรเองเลยค่ะหลังจากฟังเหตุผลจากเราแล้ว เขาก็บอกว่า ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ค่าคอมหรอก คุณขอมาละกันจะให้เทรดเดือนเท่าไร ( ณ จุดนั้น อึ้งสิคะ ...ยอมรับอย่างเต็มศักดิ์ศรีค่ะ ว่า ค่าคอมน่ะก็อยากได้นะคะ แต่ อยากให้ลุกค้ารอดมากกว่า วันนั้น ด้วยความโมโห เลยวางสายหลังจากคุยกันไม่รู้เรื่อง ...เหนื่อย !!! ) ..... ส่วนอีกคน ติดที่ 804 บาท มั้งคะ จำไม่แม่น แต่ คนนี้ยอมทิ้งที่ 720 บาท ต้องเรียกว่า พี่คนนี้เขา cut ทั้งน้ำตาค่ะ เพราะเข้าเนื้อเยอะ ถือตั้ง 5000 หุ้น เมื่อเทียบกับเงินลงทุนของเขา แกหงุดหงิดอยู่พักใหญ่ หยุดเล่นเลย ไม่คุยกันนานมากกก แกบอกขอรักษาแผลใจ เพิ่งมาคุยกัน 2-3 เดือนก่อน ประกอบกับ แกมารับคืนBanpu 226 บาท ได้หุ้นมา 15,500 หุ้น เทียบกันทางบัญชี ไม่สนมูลค่าจริงตามตลาดนะคะ เท่ากับว่า คนนี้ เขาไม่ขาดทุน แต่กำไรมา 10,500 หุ้น แถม ขาย 310 บาทออก เขากลายเป็นกำไรเลยค่ะ ….. ย้อนกลับมาที่ คนแรกกันก่อน เขาบอกเงินเย็น แต่พอลงมาไม่หยุดเลย เริ่มร้อนสิคะ ยิ่งร้อนใหญ่เลยเมื่อเห็น 300 บาท จนทุกวันนี้ แกถึงกับเอ่ยปากเลยว่า จะไม่ถือหุ้นมาราธอนอีกแล้ว ยิ่งซึมเศร้าไปใหญ่เมื่อเพือน ๆ เขากำไรหมดทุกคน ช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่แก ไม่ทำไรเลย เห็นไหมคะ แบบนี้เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายค่ะ
2. ตอนหุ้นแดง ๆ เน่า ๆ นิ่ง ๆ ชวนแล้วก็ไม่ซื้อ พอเห็นเขียว ๆ คันไม้คันมือ : บ่อยครั้งค่ะ ที่ พอหุ้นตกหนัก ๆ มาก ๆ คนมักกลัวกัน ซึ่งก็ไม่แปลก ไม่ผิดปกติ ค่ะ และ มักจะชอบตลาดเขียว ๆ ก็เพราะ แบบนี้ไงคะ คนแบบนี้ไม่แปลกเพราะเป็นคนส่วนใหญ่ของตลาดหุ้น ที่ไม่กล้ามองต่าง มองตรงกัน ....แบบนี้เข้าป่าไปเก็บเห็ด สายตาต่างจ้องมองไปทางเดียวกัน ไปเจอเห็นดอกเดียวกันแย่งกันจะเห็ดเละหล่ะค่ะ แต่อีกคน เขาคิดต่าง ฉีกเส้นทาง กล้าในจุดที่คนอื่นกลัวกัน มักจะเจอเห็ดกลุ่มใหญ่ นั่งเก็บจนล้นมือไปหมด เพราะไม่มีคนแย่ง กว่าคนจะมาเห็นเราหิ้วไปขายที่ตลาดได้เงินมาละ หรือ เอาไปทำกินก็อิ่มกันมาละ อ่ะ ....เข้าเรื่อง ค่ะ พอหุ้นที่ลงจนแช่ จน vol. แห้ง เหือด ก็ไม่ซื้อ เพราะผวา ตอนที่มันพากระโดดหน้าผา บางคนยังดามเฝือก ก็กลัว และท้ายที่สุดก็พลาดโอกาสดี ๆ ไป แล้ว มาพลาดที่สุดคือ มาซื้อตอนคนอื่นจะเป็นจังหวะขายสิคะ นั่นแหล่ะ ..... รับของค่ะ ก็เฝ้าดอยสูงไป ระยะ นี้ ก็ปล่อยข่าวหล่ะคะ ออกข่าวดี ให้เชื่อ รายย่อยจึงเป็นกลุ่มที่น่าเห็นใจ
3. ยึดมั่นถือมั่น : แต่หุ้นดันไม่มั่น กับเราค่ะ .... คือ เคสแบบนี้จะเจอคือ เขาบอกมา เพื่อนบอกมา เป้าเท่านี้ เสี่ยนี่จะลาก เป้าปลายปี แต่ เฮ้ย .... นี่เพิ่งต้นปีเองนะ อะไร ๆ ก็เปลี่ยนได้ แหม ....ไม่ได้บอกว่าห้ามมองระยะยาว การมองระยะยาวนั้น มันต้องมองผ่านงบค่ะ แล้วต่อจิ๊กซอว์เป็น ไม่ใช่ ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ลอกการบ้านถ้าถูกก็รวย พอเขาพลาดก็เจ็บ พวกนี้หาปลากินเองไม่เป็นแต่อยากรวย !!! หรือ ประเภทเชื่อคนอื่นไม่เชื่อตัวเอง มากไปก็ไม่ดี หรือ เชื่อตัวเองมากไปก็แย่ ดังนั้น .....ตรงกลางเถอะค่ะ รับสารเขามาพิจารณาแล้วตัดสินใจทำไปเลย
ตั้งแต่ทำงานมา เฝ้ามองตลาดหุ้น เห็นลูกค้ามาทุกรูปแบบ ตั้งแต่เป็นเจ้ามือเอง ยันเป็นแมงเม่าให้เขาเอาไฟลนปีก เอาเป็นว่า จะยกตัวอย่างเป็นกรณีๆไปนะคะ เป็นวิธีที่คุณเองก็ทำได้ ตามมาเล้ยยย
Successful :ประสบความสำเร็จ
กระดานที่ 1 : เจ้าพ่อช่างเก็บ
มีลูกค้ารายนึงค่ะ เป็นเจ้าธุรกิจ แกถือทนมากๆ ถือแล้วไม่ขาย ถือลงทุนจริงๆ คือเสียรอบออกจะบ่อยด้วยซ้ำ ดิฉันขี้เกียจคิดว่าถ้าแกทำรอบไปเนี่ย จะสามารถทำกำไรได้ขนาดนี้มะ ??? เพราะบางทีขายแล้วขายหมู แกบอกเองว่าแก ไม่มีเวลาดูดังนั้นจึงซื้อแล้วยาว ครั้งแรกที่แกเปิดพอร์ตคือช่วงปี 2549 มั้ง ราวๆนั้น จากนั้นแกซื้อหุ้นไป 3 ตัว มี banpu ktb shin ตอนนี้เป็น intuch แกติด banpu 167 ktb 12 บาท shin ราว ๆ 29 บาทมั้ง เหตุการณ์ อุ๋ย100 จุด ในปี 49 นั้น แกไม่ได้ซื้ออะไรเลยค่ะ เพราะอะไรก็ลืมละ แต่แกมาได้ถัว ktb 3.50 ตอน subprime จากนั้นก็เก็บมาเรื่ิอยนะคะ รวบรัดมาที่ แก happy มาก เพราะขาย banpu ราคาแถว 780 บาทค่ะ ขาย ktb 22 บาท ขาย shin หรือ intuch ที่ 75 บาท สรุป แกกำไรไป เกือบ 70 ล้านค่ะ ไม่คิดรวมปันผลนะคะ เอาแค่กำไรที่เห็นกับตาก็พอ --- ย้ำอีกทีนะคะ แกไม่มีเวลามานั่งเฝ้า แกหวงหุ้น แกดูกราฟไม่เป็น แกไม่อ่านบทวิเคราะห์ แต่แกมองจากความเป็นจริงใกล้ตัว แกบอกดิฉันอยู่ประโยคนึงว่า ขอบคุณนะที่ไม่เซ้าซี้ผม คือตอนนั้นบอกตรงๆว่า ดูแลลูกค้าก็หลายรายค่ะ เลย ไม่ได้โทรหาแกเลย จะนัดทานข้าวแค่ ปีละ 2 ครั้งเอง ก็รู้สึกผิดนะ ที่ส่งแค่ข่าว แต่ใส่ใจลูกค้าน้อยไป แต่พอมาคิดอีกที ถ้าไปกวนใจลูกค้ามากๆเข้า ไปคะยั้นคะยอเขาขายเขาอาจจะไม่ได้ 70 ล้านก็ได้ คิดบวก ++++ ...
กระดานที่ 2 : รักเดียวใจเดียว + สายป่านยาว คนนี้เคยเล่าคร่าวๆละ กะบทความฉบับก่อนๆ คือ แกเล่นหุ้นเป็นอยู่ตัวเดียวทั้งพอร์ตมีตัวเดียว เคยเสนอแผนงานให้แกนะคะ ว่าลองผสมสัก 3 ตัวไหม ไว้ถ่วงดุลกัน จะได้ไม่เจ็บทีเดียว แต่แกยืนกรานว่า no ... เหตุมาจากการติดหุ้น คือ แกเล่าว่าสมัยก่อนฝากเพื่ิอนเล่น แล้วติดหุ้น เพื่อนก๋ไม่บอก หลังๆ มาแกเปิดพอร์ตเอง เลยโอนหุ้นออกมา ---- คนนี้แกพอมีเวลา ก็นั่งเฝ้า หุ้นตกๆแกก็ถัว ๆๆๆ แกถัวขนาดไหนนั้นหลายคนคงคิดไม่ออก เอาหล่ะเพื่อให้เห็นภาพ เช่นแกซื้อ bay ไม้แรกติด ถ้าลงมา 3 % ถัวอีก ว่าง่ายๆถัวตลอดเส้นทาง 5555 จากเริ่มติดแค่ 1 แสนหุ้น ลงถึงจุดดัชนีดีดกลับนี่ ถ้ารอบเล็กๆก็มี 500,000 หุ้นอ่ะ ถ้ารอบกลางๆ มี ราวๆ 1,500,000 หุ้น ถ้ารอบใหญ่ระดับ 200 จุดขึ้นนี่ราวๆ 3 ล้านหุ้น และเวลาดีดกลับทำกำไรนี่ ต่ำ ๆเลย 15% ค่ะ ทุกรอบ ย้ำนะคะทุกรอบ และหุ้นที่เล่นนั่น พื้นฐานระดับ AAA แบบนี้ดิฉันจะเรียกแกว่า ...เฮียถัว ... ...^_^ คือถัวจนรวย ถัวแบบไม่กลัวเจ้งอ่ะ งานอดิเรกคือ บาคาล่า ที่ ปรอยเปรต !!!
กระดานที่ 3 : เล่นแต่ของคุ้นเคย ค่ะตรงตัวเลย ไม่เล่นแตกแถว มีลูกค้าท่านนึง เล่นเป็นแต่ kbank advanc และ true ( ค่ะ คุณอ่านไม่ผิด เขาชอบเล่น true มาก และขอบอกไม่เคยพลาดเลย ) หลักการของแกง่ายมาก ไม่ไล่ ไม่คัน ไม่ง้อ ลงก็ซื้อ ไม่ลงก็ไม่เล่น และจังหวะเข้าซื้อคือ เมื่อหุ้นลดราคา 10% ต่อ cycle จะเข้าซื้อ รายนี้เงินแกมีจำกัดค่ะ เลยไม่ถัวกระจาย ก็จะเข้าจนเต็ม max แหละ จากนั้นถ้ามันลงอีกแกก็ถือรอไป รอจนได้ขายค่ะ ดวงดีจริงๆ คนนี้เป็นพนักงานการไฟฟ้า เริ่มจากเงินเก็บ 500,000 ผ่านไป 6 ปี เงินกำไรที่ไม่เคยถอนออกเลยงอกมาเป็น 3.7 ล้านละ
กระดานที่ 4 : สะสมแบบเก็บเล็กผสมน้อย --- คนนี้มาเปิดพอร์ตตอนเรียนปี 4 สุดท้ายพอดี ก็มาเริ่มแคะกระปุกนะคะ มีเงินมา 80,000 บาท ก็มาแบบเงอะๆงะๆหล่ะค่ะ มี วอเรนต์ บัฟเฟต เป็น idol ก็ซื้อๆ ไป เกือบ 6 ตัว ปรากฎว่าติดทุกตัว เละทุกตัว ก็กลุ้มหนัก ไหนจะเงินค่าเรียน น้องคนนี้ก็รับงานเป็นติวเตอร์ และ งานอะไรหลายอย่างไม่รู้ค่ะ รู้แต่ว่าเขาจะมีเงินมาเก็บหุ้นทุกเดือน ๆละ 5000 -10000 บาท 1 ใน6 ตัวนั้น มีตัวนึงที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปค่ะ นั้นก็คือ cp-7 หรือ cpall นั่นเอง เขาเริ่มเข้าใจในการลงทุนมากขึ้น วันนั้นช่วงหวัดนก และตากใบ ดิฉันเป็นมาร์เด็กเหมือนกัน เขาก็ขอคำปรึกษา เรื่องเก็บตัวไหน cut ตัวไหน ดิฉันบอกเขาว่าถ้าเก็บได้จะเก็บ vibha นอกนั้น ขายทิ้ง แต่ลูกค้าคนนี้ฉลาดและ เก่งกว่าดืฉันในตอนนั้น คือ เขาตัดสินใจถูกค่ะ ที่เก็บ cpall และ มีติด vibha มาด้วย ตอนนั้น รู้สึกพอร์ตเขาจะมูลค่าเหลือ ราวๆ 70,000 ค่ะ เป็น cpall ราว ๆ เท่าไรก็ลืม แต่เอาเป็นว่ามี cpall เยอะกว่า สมัยนั้น 7 บาท เขาเรียนจบก็เข้าทำงานก็เจียดเงินเดือนมาเก็บหุ้นทุกเดือน คราวนี้เก็บแต่ cpall โดด ๆเลย คือ จนทุนเฉลี่ยเป็น 9.50 มี 90,000 หุ้นค่ะ มาขายเอาตอน 30 บาท จากนั้น ดิฉันย้ายที่ทำงาน เขาตามมาเปิดพอร์ท และเทรดสไตส์เดิมๆคือ เก็บสะสม จนทุกวันนี้ ผ่านมา 10 ปี นับจากเปิดพอร์ทครั้งแรก เขามีเงิน 14 ล้านบาทแล้วค่ะ --- ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน ที่สำคัญบ้านลูกค้าคนนี้ก็พ่อแม่เป็นครูค่ะ พื้นฐานไม่ใช่ลูกเจ้าสัวนะคะ ยังสำเร็จเลย
กระดานที่ 5 : ขาแช่งตลาด --- รายนี้ ไม่สนเดย์เทรด ไม่แคร์หุ้นพื้นฐานดี ไม่ศัทธาในปันผล ไม่มองอดีตไม่มองอนาคต มองแค่ว่า ปัจจุบันนี้ เมื่อไหร่ วันดีคืนดี หุ้นพรวดพราดลงแบบ panic หรือ เกิดวิกฤต นี่ แกซื้อทันตัวไหนแกซัดไม่เลี้ยง เน้นตัวเล็กๆที่ลงแรงๆและมี vol. คือ มีเท่าไรอัดเต็ม แล้วถือรอ อ่ะ จะว่าขำหรือ จะว่าเทคนิคแก ก็ไม่รู้ได้นะคะ ปี subprime นั้น แก ให้ซื้อ cig ราคา .22 ตังค์ คือมันทิ้งเร็วมากค่ะ ต้อง bid ถึงจะได้ของ กว่าจะครบ 10 ล้านหุ้นที่แกจะเอา ทุนก็โน่น 0.40 ค่ะ แล้วเอามาปล่อยขาย 2 บาท
Iec live bliss ด้วยแต่จำแม่นแค่ cig ค่ะ ช่วงนั้น เสี่ยมีเบอร์เขาดังค่ะ ก็สรุปคือ รอบนั้น แกกำไร 20 ล้านมั้ง ว่าง่ายๆ รอบที่พวกเราเล่นๆกันเนี่ยแก เล่นไม่เป็นนะคะ และไม่ยินดีที่จะศึกษาเลย เพราะกลัวติดแล้วจะเสีย !!!
......ต่อ อีกแผ่นนะคะ ..... สำหรับทุก comment เดี๋ยวดิฉันจะไล่ตอบทีละคนนะ. แล้วก็มีสมาชิกมาถามว่า แล้วคนที่เล่นตามหลักการแล้วเจ๊งมีไหม ก็ตอบว่า .... มีค่ะ ..... แล้วคืนนี้ถ้าไม่ล้าเกินไปจะเรียบเรียงให้นะคะ
กระดานที่ 6: รักษาต้นแต่ถอนกำไร คนนั้น แกไม่เน้นพอร์ตโตค่ะ
แต่แกเน้นได้เรื่อยๆ ได้ทุกรอบทุกวันยิ่งดี คนนี้เล่น มาร์จิน แกวางเงิน 4 ล้านเทรดได้ 8
ล้าน
แกบริหารแบบนี้ค่ะ เมื่อ equity เพิ่มขึ้น มากกว่าทุน แกจะขาย แล้วถอนเงินออก
เช่น equity เริ่ม วาง 4 ล้าน ผ่านไปเพิ่มเป็น 4.5 ล้าน ช่อง debt
เป็น
0 แกจะถอน เจ้า 500,000 นั่นแหล่ะ แกจะรักษาพอร์ตให้เงินต้นคงอยู่
ไม่หายพอร์ตไม่เคยโต แต่ไปเพิ่มทรัพย์สินข้างนอกโดยการ
เอาเงินก้อนที่ได้แต่ละรอบไปจัดสรร ทำนั่นนี่ แบ่งซื้อทองซื้อที่เก็บ
จนที่ดินบางแปลงขายได้กำไร2-3 เท่าก็มี เงินที่เจียดไปซื้อทาวเฮาส์
คอนโดปล่อยเช่าก็งอกเงยตามๆกันไป นึกภาพออกไหมคะ ว่าเขา success อย่างไร
เจ๋งเนอะ !!!
กระดานที่ 7 : เจ้าแม่แห่งงบการเงิน --- ลูกค้าท่านนี้ เป็นนักบช. เก่าค่ะ เก่ง เก่งมากๆ รายนี้ แทงงบ ล้วงงบ ยำงบอย่างเดียว อย่างอื่นไม่สน จะเทียบงบ และเลือกหุ้นเก็บราวๆ 7 ตัวค่ะ แรกๆก็งง ว่า ดูทันได้ไง แต่พอมาดูหุ้นแต่ละตัวแล้ว เวลามันขึ้นจะดาหน้าขึ้นพร้อมกันค่ะ แต่ไม่ยักกะลง เลือกเก่งมากๆค่ะ
*** ข้อสังเกตุอยู่อย่างหนึ่งนะคะ ลูกค้าที่กำไรเสมอๆเนี่ย จะไม่เป็นกราฟเลยค่ะ ไม่สนใจใคร่รู้อะไรเลย บทวิเคราะห์ก็ไม่อ่าน แต่สิ่งที่เขาอ่านกันและทำเหมือนกันคือ อ่านข่าว ตามข่าวและหาข้อมูลจากนั้นประเมินสถานการ์เอง เคยถามค่ะว่า ทำไมไม่อ่านบทวิเคราะห์ที่ส่งให้คะ เขาตอบว่า " อ่านไปมากๆ แล้วเขว สู้อ่านเนื้อข่าวแล้วมาประเมินตาม ที่เรามองเราคิดจะดีกว่าเพราะไม่มีอคติในเนื้อข่าว แต่ ในบทวิเคราะห์นั้น คนวิเคราะห์เขาใส่ความเป็นเขาลงไปค่ะ ดังนั้น เขาประเมินกะเราประเมินเอง ผลลัพธุ์จริงออกมาต่างกันเพราะ ไม่มีใครจะรู้การเงินของเราได้ดีเท่าตัวเรา นวค. เขาไม่รู้หรอกว่าใครมีหน้าตักเท่าไร เขาก็พูดไปตามแนวโน้มตามหน้าที่ เท่านั้นเอง ***
**** และ พวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้คิดหลายชั้นอะไรขนาดนั้นค่ะ แค่ ซื้อ และซื้อ ตามสไตล์ที่ตัวเองถนัด แค่นั้นเองค่ะ ****
ชอบแบบไหนกันบ้างคะ ถ้าชอบก็เอาไปปรับใข้กะตัวเองได้ค่ะ ขอบคุณ pantip ที่เอื้อเฟื้อพื้นที่ให้ได้ ฝอย นะคะ ( อันนี้แซวค่ะ ) บทความนี้ ดิฉันไม่ได้นำข้อมูลลูกค้ามาเปิดเผยในที่สาธารณะนะคะ แต่เป็นแนวทางการ trade ที่ดิฉันสังเกตุเห็นค่ะ ดังนั้น ถ้าลูกค้าเจ้าของสไตล์การเล่นทราบเข้า ดิฉันเชื่อว่า พวกเขาเหล่านั้น จะยินดีมากๆ ถ้าจะได้เป็นแนวทางที่ หน่วยกล้าตายได้ลองจริงๆมาแล้วและทำได้จริง อย่างน้อยบุญกุศลครั้งนิก็ขอให้ ส่งถึงคนที่ยังมืด 8 ด้านหาทางออกไม่เจอ ได้ผ่านมาอ่านกระทู้นี้ด้วยเถิด และเกิดแสงสว่างในใจด้วย สาธุ .... สำหรับคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์นะคะ
ปล. ปวดหลังมัก ๆๆๆ ไปนอนก่อนค่ะ
กระดานที่ 7 : เจ้าแม่แห่งงบการเงิน --- ลูกค้าท่านนี้ เป็นนักบช. เก่าค่ะ เก่ง เก่งมากๆ รายนี้ แทงงบ ล้วงงบ ยำงบอย่างเดียว อย่างอื่นไม่สน จะเทียบงบ และเลือกหุ้นเก็บราวๆ 7 ตัวค่ะ แรกๆก็งง ว่า ดูทันได้ไง แต่พอมาดูหุ้นแต่ละตัวแล้ว เวลามันขึ้นจะดาหน้าขึ้นพร้อมกันค่ะ แต่ไม่ยักกะลง เลือกเก่งมากๆค่ะ
*** ข้อสังเกตุอยู่อย่างหนึ่งนะคะ ลูกค้าที่กำไรเสมอๆเนี่ย จะไม่เป็นกราฟเลยค่ะ ไม่สนใจใคร่รู้อะไรเลย บทวิเคราะห์ก็ไม่อ่าน แต่สิ่งที่เขาอ่านกันและทำเหมือนกันคือ อ่านข่าว ตามข่าวและหาข้อมูลจากนั้นประเมินสถานการ์เอง เคยถามค่ะว่า ทำไมไม่อ่านบทวิเคราะห์ที่ส่งให้คะ เขาตอบว่า " อ่านไปมากๆ แล้วเขว สู้อ่านเนื้อข่าวแล้วมาประเมินตาม ที่เรามองเราคิดจะดีกว่าเพราะไม่มีอคติในเนื้อข่าว แต่ ในบทวิเคราะห์นั้น คนวิเคราะห์เขาใส่ความเป็นเขาลงไปค่ะ ดังนั้น เขาประเมินกะเราประเมินเอง ผลลัพธุ์จริงออกมาต่างกันเพราะ ไม่มีใครจะรู้การเงินของเราได้ดีเท่าตัวเรา นวค. เขาไม่รู้หรอกว่าใครมีหน้าตักเท่าไร เขาก็พูดไปตามแนวโน้มตามหน้าที่ เท่านั้นเอง ***
**** และ พวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้คิดหลายชั้นอะไรขนาดนั้นค่ะ แค่ ซื้อ และซื้อ ตามสไตล์ที่ตัวเองถนัด แค่นั้นเองค่ะ ****
ชอบแบบไหนกันบ้างคะ ถ้าชอบก็เอาไปปรับใข้กะตัวเองได้ค่ะ ขอบคุณ pantip ที่เอื้อเฟื้อพื้นที่ให้ได้ ฝอย นะคะ ( อันนี้แซวค่ะ ) บทความนี้ ดิฉันไม่ได้นำข้อมูลลูกค้ามาเปิดเผยในที่สาธารณะนะคะ แต่เป็นแนวทางการ trade ที่ดิฉันสังเกตุเห็นค่ะ ดังนั้น ถ้าลูกค้าเจ้าของสไตล์การเล่นทราบเข้า ดิฉันเชื่อว่า พวกเขาเหล่านั้น จะยินดีมากๆ ถ้าจะได้เป็นแนวทางที่ หน่วยกล้าตายได้ลองจริงๆมาแล้วและทำได้จริง อย่างน้อยบุญกุศลครั้งนิก็ขอให้ ส่งถึงคนที่ยังมืด 8 ด้านหาทางออกไม่เจอ ได้ผ่านมาอ่านกระทู้นี้ด้วยเถิด และเกิดแสงสว่างในใจด้วย สาธุ .... สำหรับคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์นะคะ
ปล. ปวดหลังมัก ๆๆๆ ไปนอนก่อนค่ะ
ขายIphone5 10,000บาท!
ขายIphone5 10,000บาท!
ถ้าผมเสนอขายIphone5ให้คุณ คุณจะเลือกแบบไหน 1:Iphone5ราคา10,000 2:Iphone5ราคา25,000 หรือ 3:ไม่ซื้อเลย ?
บ้าอ่ะสิ! คำตอบแรกที่ขึ้นมาในหัวสำหรับทุกๆคน เพราะถามมาแบบนี้ไม่ว่าใครก็ต้องเลือก”ข้อ1” ซื้อ Iphone5 ในราคาแสนถูกที่10,000บาท เพราะอะไรจึงคิดเช่นนี้? นั้นก็เพราะพวกคุณทุกคน”รู้มูลค่า(หรือราคาที่มันควรจะเป็น)”ของIphone5 ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุดของApple ว่ามันจะต้องมีมูลค่าเกิน20,000บาทแน่ๆ ถ้าคุณซื้อมา10,000บาทจะสามารถนำไปขายต่อได้สบายๆที่20,000บาท กำไร100%
เห็นได้ชัดว่าในโลกแห่งความเป็นจริงทุกคนมีการตัดสินใจที่เป็นเหตุเป็นผล ซึ่งมีอีกหลายๆตัวอย่างทีเห็นชัดเจนว่าคุณใช้เวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องราคา และความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป เช่น การซื้อเสื้อผ้า, รถยนต์, และ บ้าน ยิ่งถ้ามีการจัดpromotionลดราคา คุณยิ่งอยากซื้อมากขึ้น แต่ในทางกลับกันในโลกแห่งตลาดเงินอย่างเช่นตลาดหุ้น คุณกลับละเลยเหตุผลต่างๆ เมินของถูกซื้อของแพง ไม่คิดที่จะหาข้อมูลและใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินใจ ทั้งๆที่คุณรู้อยู่แก่ใจว่าระยะยาวราคาและผลประกอบการจะสอดคล้องกัน ตัวอย่างเช่น มีหุ้น2ตัว A กับ B ถ้าในวันนี้ หุ้นAราคาเพิ่มไป7% และหุ้น B ราคาร่วงไป10% ถามว่าหุ้นตัวไหนน่าซื้อมากกว่ากัน? คุณสอบตกทันทีถ้าคุณเลือกหุ้นมาตัวหนึ่ง เพราะคำตอบก็คือบอกไม่ได้! เพราะข้อมูลที่ผมให้คุณไปคือสิ่งที่มีประโยชน์น้อยที่สุดในตลาดหุ้นนั้นก็คือ”ราคา” ซึ่งสิ่งสำคัญคือเราต้องรู้”มูลค่า”(เช่นในชีวิตจริงคุณรู้ว่าไอโฟน5ราคา20,000+,รถBMWมูลค่าหลักล้าน) ดังนั้นผมจึงอยากให้ทุกๆท่านศึกษาข้อมูลก่อนลงทุนทุกครั้ง ศึกษางบการเงินและธุรกิจของบริษัทที่คุณกำลังจะเลือกลงทุนบ้าง เพราะถ้าคุณทราบมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น จะทำให้การซื้อขายของคุณเป็นไปอย่างถูกต้อง เช่นหุ้นAมีมูลค่า7บาท แต่ซื้อขายกันอยู่ที่5บาทและในวันนี้ราคาขึ้นมา7%เป็น5.35บาท ซึ่งในกรณีนี้คุณก็ควรซื้อหุ้นตามไปเพราะราคา”ถูก”นั้นเอง(หุ้นที่เห็นว่าราคาขึ้นมาเยอะแล้วแต่ราคาก็ยังไปต่ออีกก็เพราะเป็นแบบนี้ครับ) อีกกรณีถ้าหุ้นBมีมูลค่า3บาทแต่ราคาซื้อขายที่5บาทและวันนี้ร่วงมา10%เป็น4.50บาท คุณก็ควรหลีกเลี่ยงตัวนี้เพราะมัน”แพง”
ซึ่งสิ่งที่แปลกที่สุดในตลาดหุ้นนั้นก็คือเวลาที่หุ้นตัวหนึ่งราคาพุ่งขึ้นไปมากๆเช่นCPALL ราคาขึ้นไป42-43-44บาทกลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้คนมาซื้อทั้งๆที่ยิ่งราคาสูงความเสี่ยงจะยิ่งเพิ่มขึ้น (ลองนึกดู2วันก่อนIphoneราคา20k, เมื่อวาน30k, วันนี้ราคา 40k- ขอถามว่าคุณจะซื้อไหมIphoneที่ราคา40k?) ชีวิตจริงของยิ่งถูกยิ่งอยากซื้อ แต่ตลาดหุ้นของยิ่งแพงยิ่งน่าซื้อ แปลกแต่จริง!
สุดท้ายอยากเตือนทุกท่านเพราะ ช่วงนี้หุ้นหลายๆตัวขึ้นมาเกินมูลค่าที่แท้จริงอย่างมากมีหลายตัวที่งบการเงินธรรมดา(หรือเน่า) แต่ราคาดันขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งพร้อมกับ”story”และคาดหวังผลกำไรสวยๆในอนาคต ส่วนหุ้นถูกยังมีแต่น้อยอยากได้ต้องขยันหา และโปรดใช้การตัดสินใจที่เป็นเหตุเป็นผลเหมือนในชีวิตจริงในการลงทุนครับ
หมายเหตุ: การเปรียบเทียบระหว่างหุ้นกับIphone5 เป็นตัวอย่างสมมุติเท่านั้นนะครับ เพื่อที่ทุกคนจะได้เห็นภาพและเข้าใจสิ่งที่ผมอยากจะสื่อ
ในความเป็นจริงมูลค่าIphone5มีแต่จะลดลง(ถ้าiphone6ออกมา)ส่วนหุ้นระยะยาวส่วนใหญ่มูบค่าจะเพิ่ม
ติดตามการลงทุนแบบเน้นคุณค่าได้ที่เพจ -> http://www.facebook.com/TheYoungbloodWay
5 ปีย้อนหลัง ผลประกอบการ 7 บริษัทค้าปลีก
5 ปีย้อนหลัง ผลประกอบการ 7 บริษัทค้าปลีก
http://terrabkk.com/news/5-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-7/
http://terrabkk.com/news/5-%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-7/
วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เทคนิคการเก็งกำไรระยะยาว ตอน 1 ของพี่ ชัยปัท
เทคนิคการเก็งกำไรระยะยาว ตอน 1
นักเก็งกำไร หรือ เทรดเดอร์ คือ คนที่สนใจสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา นักเก็งกำไรโฟกัส ที่ราคาของสินทรัพย์ เป็นสำคัญ ร่วมด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบ เช่น ปริมาณการซื้่อขาย(volume) และข้อมูลเชิงเวลา ที่สัมพันธ์กับราคา
นักเก็งกำไร ไม่จำเป็นต้อง เน้นซื้อๆขายๆในช่วงเวลาสั้นๆเสมอไป แต่การเก็งกำไรสามารถเล่นกับช่วงเวลาที่ยาว และกว้างออกไปได้ แบบไม่จำกัด ตามกลยุทธ์ ตามระบบเทรด ที่ออกแบบ เช่นยาวตามแนวโน้มใหญ่ระดับ วัน ระดับสัปดาห์ ระดับเดือน หรือตามวัฎจักรของสินทรัพย์ เราเรียกรูปแบบเหล่านี้ว่า การเก็งกำไรระยะยาว
ตรงนี้ถ้าศึกษาดีๆ ให้แตกฉานจะพบกลยุทธ์ ที่สามารถทำเงินและประสบกับความสำเร็จได้เช่นกัน
แต่การเป็นนักเก็งกำไรระยะยาว มีความเสี่ยง และมีข้อจำกัด ที่แตกต่างจากการเก็งกำไรระยะสั้น อยู่หลายประเด็น(แน่นอนว่ามีข้อเด่น ข้อได้เปรียบที่แตกต่างกันด้วย) ประเด็นหนึ่งทึ่ต้องตระหนักคือ ความเสี่ยงเชิงเวลา การถือครองสินทรัพย์ ในพอร์ต ระยะเวลานานแปลว่า เรามีโอกาสรับความเสี่ยง ต่างๆทั้งแบบเป็นระบบและ ไม่เป็นระบบ จากปัจจัยภายในภายนอกเข้ามาได้เสมอ
ดังนั้น โมเดลการป้องกันความเสี่ยง ในจุดนี้เป็นเรื่องจำเป็นอย่างมากสำหรับ การเก็งกำไรระยะยาว
ผมมองว่า เพื่อนๆจำนวนไม่น้อยไม่ได้เป็น fulltime trader ดังนั้นการเรียนรู้เทคนิคการเก็งกำไรระยะยาว น่าจะเป็น solution ที่ดีสำหรับการเทรดไป ทำงานประจำอื่นๆไป เพราะด้วย เวลาที่ต้องใช้ในการเทรด ต่อวันจะไม่มาก (ติดตามดูบ้างเป็นบางครั้ง) แต่ได้ผลตอบแทนที่ดี จากการเข้าเก็งกำไรในการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น
ดังนั้นอนาคตจะพยายามเขียน บทความแนวนี้ให้มากขึ้น เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับเพื่อนๆและสมาชิกเว็บcwayinvestment
วันนี้ขอเริ่ม part 1 เรื่องแนวคิด ในการออกแบบระบบการเทรดระยะยาวกันก่อน
การประเมินความเสี่ยง ตรงนี้คือ Key ของความสำเร็จในการเทรดระยะยาว ไม่ใช่หลับหูหลับตาซื้อหุ้น ซื้อตามกูรู ตามโพย แบบนั้นเน่า เพราะการเก็งกำไรระยะยาว สิ่งสำคัญคือต้องถูกที่ ถูกเวลา
1."ถูกที่"
คือต้องถูกตัว เลือกหุ้นมีอนาคตเติบโต มี story รองรับระยะยาว story นี่จะสร้างความคาดหวังในอนาคต เพื่อให้เกิดคุณภาพของแนวโน้มราคาที่เป็นบวก จำไว้เสมอเราเป็นนักเก็งกำไร ส่วนต่างราคาคือ สิ่งที่มีค่า อะไรซื้อมาแล้วไม่เกิดกำไร ซื้อมาแล้วไร้อนาคต อย่าไปอมไปเสียเวลา อีกสมการที่ นักเก็งกำไร ต้องรู้จักคือ
ราคาตลาด = มูลค่าพื้นฐาน + ความคาดหวังในอนาคต(+/-)
การเทรด เราวิเคราะห์กราฟราคาตลาด แต่ราคาเคลื่อนแกว่งไปมา มันมาจาก "ความคาดหวังในอนาคต" ตรงนี้คือแก่นสำคัญ
การมองความคาดหวังในอนาคต คือ การมองปัจจัยเสี่ยงภายนอกภายใน ให้ครบ และกำหนดน้ำหนักความรุนแรง ดูว่ามันออกเป็น story เชิงบวกเป็นลบ ต่อ ราคาตลาด
- ปัจจัยเสี่ยงภายนอก เกิดภายนอกกระทบ sentiment และอาจจะไม่มีมีความเสียหายในระยะยาว เช่น ประเด็นเศรษฐกิจของประเทศ , กำลังการซื้อของผู้บริโภค, อัตราดอกเบี้ย, นโยบายของภาคการเมือง , วัฎจักรอุตสาหกรรม , fundflow ต่างชาติ เป็นต้น
- ปัจจัยเสี่ยงภายใน เกิดต่อตัวหุ้น ตัวสินทรัพย์ เต็มๆ โดดๆ โดนแล้ว หนัก เช่น ต้นทุนการผลิต ต่างๆ, การตลาด การแข่งขัน ช่องทางจำหน่ายสินค้าของบริษัท, รวมถึงผลประกอบการเบื้องต้น(ไม่ต้องขนาดไปแกะงบ เอาแค่รู้กำไรขาดทุนก็พอ เพื่อใช้วางแผน ออกหรือถอยเมื่อมีปัญหาหนัก) พวกนี้ทำความเข้าใจดีๆ เพราะการเราเทรดระยะยาว คือ เราต้องดีลกับหุ้นตัวนั้นนาน ตรงนี้สำคัญครับ และถ้าเข้าใจใช้เป็นจุดได้เปรียบมาก ในการบริหารความเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่น บริษัทขายน่้ำมัน ถ้าราคาน้ำมันโลก ลดลง ย่อมมีผลกระทบต่อบริษัท หรือ บริษัทน้ำตาล ถ้าราคาน้ำตาลปรับขึ้นสูง ย่อมมีผลต่อกำไรบริษัทเช่นกัน
การมองความเสี่ยงแน่นอนว่า ไม่ใช่จุดเข้าออก หรือสัญญาณซื้อขาย แต่เรานำมาใช้บริหารจัดการเงิน ในการเทรด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนมูลค่าพื้นฐานละไว้ เพราะการไปนั่งหา ไปนั่งงมเพื่อ valuation มันทำได้แต่ยากที่จะถูกได้ค่าที่แน่นอน 100% ตรงนี้ให้มันเป็นตัวแปรคงที่ ไปได้เลย
2."ถูกเวลา"
คือ การวิเคราะห์ราคาตลาด จังหวะเข้าต้องฉลาด สอดรับ แนวโน้มการเคลื่อนตัวของแนวโน้มราคา สอดคล้องวัฏจักรตลาด วัฏจักรอุตสาหกรรม(หรือเป็นกลุ่ม mega trend ของสังคม) อาจจะไม่จำเป็นเข้าที่จุดต่ำสุดเสมอไป แต่ก็ต้องไม่ใช่ไปเข้ามั่ว ในจุดเสียเปรียบ แบบนั้นถือยาวอมดอย กำไรก็ไม่เกิด
เมื่อมั่นใจหุ้นดี หุ้นเติบโต อย่าไปรีบเข้ามั่ว ถัวมั่ว รอให้เป็น มองจังหวะให้ออก ที่สำคัญ การเข้าในจุดที่ได้เปรียบ จากความบิดเบี้ยวของ ราคา อันเกิดจาก ความคาดหวังในอนาคต หรือเกิดอารมณ์ตลาด นี้เป็น Key ที่ได้เปรียบอีกตัว ของนักเก็งกำไรระยะยาว

ตอนหน้ามาต่อรายละเอียด ในแต่ละประเด็น รวมถึงกลยุทธ์และระบบเทรดกันครับ
เครดิต:https://www.facebook.com/notes/754003257981410/
ขอบคุณ พี่ชัยภัทร เนื่องคำมา
วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557
เทคนิคการหาหุ้นง่ายๆ ตั้งชื่อว่า trading alert ละกัน
เทคนิคการหาหุ้นง่ายๆ ตั้งชื่อว่า trading alert ละกัน
ขั้นแรก หารูปนางแบบสวยๆก่อน
ขั้นที่สอง เข้าไปเชค trading alert ในเว็บ
http://www.set.or.th/set/marketalertnews.do
วันนี้มี EVER KC RPC WIN
ขั้นตามวิเคราะห์กราฟ เรียงความน่าสนใจ
หุ้นน่าลิ่ง ever rpc
หุ้นที่ขึ้นเกิน 15 % kc win
เอาหุ้น 4 ตัวมาใจ watch list ไว้
ขั้นที่ 3 ตัวไหนกระพริบแดงก่อนเปิดตัดทิ้งไปก่อน รอเล่นแค่ตัวเขียว
เอาแค่นี้แหละ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส trading alert ก็มีข้อดี ถ้าเลือกหุ้นเป็น ไม่ต้องเขียนสูตรหรือตีกราฟยากๆ
cr: fb หุ้นซิ่ง ไม่ลิ่งก็ฟอร์ล
ขั้นแรก หารูปนางแบบสวยๆก่อน
ขั้นที่สอง เข้าไปเชค trading alert ในเว็บ
http://www.set.or.th/set/marketalertnews.do
วันนี้มี EVER KC RPC WIN
ขั้นตามวิเคราะห์กราฟ เรียงความน่าสนใจ
หุ้นน่าลิ่ง ever rpc
หุ้นที่ขึ้นเกิน 15 % kc win
เอาหุ้น 4 ตัวมาใจ watch list ไว้
ขั้นที่ 3 ตัวไหนกระพริบแดงก่อนเปิดตัดทิ้งไปก่อน รอเล่นแค่ตัวเขียว
เอาแค่นี้แหละ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส trading alert ก็มีข้อดี ถ้าเลือกหุ้นเป็น ไม่ต้องเขียนสูตรหรือตีกราฟยากๆ
cr: fb หุ้นซิ่ง ไม่ลิ่งก็ฟอร์ล
รวมบทความเด็ด สำหรับนักลงทุนVI
รวมบทความเด็ด สำหรับนักลงทุนVI - Part 1
ตอนที่ 1
เข้าใจ Cash Flow แบบง่ายๆ ตอนที่ 1
http://on.fb.me/1qZ8xyi
ตอนที่ 2
เข้าใจ Cash Flow แบบง่ายๆ ตอนที่ 2
http://on.fb.me/1yRaEfs
ตอนที่ 3
เข้าใจ Cash Flow แบบง่ายๆ ตอนที่ 3
http://on.fb.me/1sFrhWm
ตอนที่ 4
กำไรโตทุกปี ดีจริงหรือ..? ว่าด้วยเรื่องของ EPS
http://on.fb.me/1ussVJg
ตอนที่ 5
รวยด้วยหุ้นปันผล
http://on.fb.me/1DrH007
ตอนที่ 6
ดูว่าหุ้นถูกหรือแพง ด้วย P/E Divergence
http://on.fb.me/1sFroRL
รวมบทความเด็ด สำหรับนักลงทุน VI- Part2
ตอนที่ 7
เพิ่มหนี้ หรือ เพิ่มทุน..?
http://on.fb.me/1CJRMwq
ตอนที่ 8
ROE (Return on Equity)
http://on.fb.me/ZCfEVG
ตอนที่ 9
ลดพาร์คืออะไร..?
http://on.fb.me/1t4qOzT
ตอนที่ 10
เรื่องดีๆ ที่มือใหม่มักจะมองข้ามไปเกี่ยวกับเงินปันผล
http://on.fb.me/1FpxHjj
ตอนที่ 11
ซื้อหุ้นคืนคืออะไร..? BTS, BLAND กำลังจะทำอะไร..?
http://on.fb.me/1wZy9i6
ตอนที่ 11
Profit Margin
http://on.fb.me/1t4rdlH
................
สำหรับใครที่สนใจแนวการลงทุนของ Warren Buffett
เราจะจัดสัมมนา Buffett Decode ในวันเสาร์ ที่ 1 พ.ย. 2557 นี้
สามารถเข้ามาดูรายละเอียดได้ที่นี่ http://bit.ly/maseminar
หรือโทรสอบถาม 086-390-5961
*สิทธิพิเศษรอบสุดท้าย ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับ Package Gold Scan ฟรี 1 ปี
และได้รับชุดคำสั่งสแกนหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานพิเศษอีก 60 ชุด ที่ไม่มีแจกในแพคเกจใดๆ
พิเศษสุดๆ เฉพาะผู้เข้าร่วมสัมมนาเท่านั้น ตอนนี้เหลือ 20 ที่นั่งสุดท้ายแล้วครับ
cr: FB market anyware
ตอนที่ 1
เข้าใจ Cash Flow แบบง่ายๆ ตอนที่ 1
http://on.fb.me/1qZ8xyi
ตอนที่ 2
เข้าใจ Cash Flow แบบง่ายๆ ตอนที่ 2
http://on.fb.me/1yRaEfs
ตอนที่ 3
เข้าใจ Cash Flow แบบง่ายๆ ตอนที่ 3
http://on.fb.me/1sFrhWm
ตอนที่ 4
กำไรโตทุกปี ดีจริงหรือ..? ว่าด้วยเรื่องของ EPS
http://on.fb.me/1ussVJg
ตอนที่ 5
รวยด้วยหุ้นปันผล
http://on.fb.me/1DrH007
ตอนที่ 6
ดูว่าหุ้นถูกหรือแพง ด้วย P/E Divergence
http://on.fb.me/1sFroRL
รวมบทความเด็ด สำหรับนักลงทุน VI- Part2
ตอนที่ 7
เพิ่มหนี้ หรือ เพิ่มทุน..?
http://on.fb.me/1CJRMwq
ตอนที่ 8
ROE (Return on Equity)
http://on.fb.me/ZCfEVG
ตอนที่ 9
ลดพาร์คืออะไร..?
http://on.fb.me/1t4qOzT
ตอนที่ 10
เรื่องดีๆ ที่มือใหม่มักจะมองข้ามไปเกี่ยวกับเงินปันผล
http://on.fb.me/1FpxHjj
ตอนที่ 11
ซื้อหุ้นคืนคืออะไร..? BTS, BLAND กำลังจะทำอะไร..?
http://on.fb.me/1wZy9i6
ตอนที่ 11
Profit Margin
http://on.fb.me/1t4rdlH
................
สำหรับใครที่สนใจแนวการลงทุนของ Warren Buffett
เราจะจัดสัมมนา Buffett Decode ในวันเสาร์ ที่ 1 พ.ย. 2557 นี้
สามารถเข้ามาดูรายละเอียดได้ที่นี่ http://bit.ly/maseminar
หรือโทรสอบถาม 086-390-5961
*สิทธิพิเศษรอบสุดท้าย ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้รับ Package Gold Scan ฟรี 1 ปี
และได้รับชุดคำสั่งสแกนหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานพิเศษอีก 60 ชุด ที่ไม่มีแจกในแพคเกจใดๆ
พิเศษสุดๆ เฉพาะผู้เข้าร่วมสัมมนาเท่านั้น ตอนนี้เหลือ 20 ที่นั่งสุดท้ายแล้วครับ
cr: FB market anyware
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)