วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558
ความเชื่อที่อาจทำให้การออมหุ้นแบบ DCA ไม่ประสบความสำเร็จ
http://www.aommoney.com/aomhoon/ความเชื่อผิดๆในการออมห#gs.null
วันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558
วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ฉวยโอกาสอย่างไร ในเวลาที่ “หุ้นแบงก์” ราคาถูก
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ฉวยโอกาสอย่างไร ในเวลาที่ “หุ้นแบงก์” ราคาถูก
โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช
ที่มา:http://clubvi.com/2015/12/15/buffettonbank/
ช่วงนี้หุ้นธนาคารไทยราคาต่ำลงมามาก มาเรียนรู้บทเรียนจากการลงทุนในหุ้นธนาคารของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กันดีกว่านะครับ
ปกติแล้ว บัฟเฟตต์ไม่นิยมหุ้นธนาคารเอาเสียเลย (เช่นเดียวกับ ดร นิเวศน์ ของเมืองไทย แต่ที่เหมือนกันคือทั้งสองคนต่างก็มีหุ้นแบงก์) ปู่บอกว่า ในเวลาที่สินทรัพย์สูงกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น 20 เท่า* ซึ่งเป็นค่าปกติของเซคเตอร์แบงก์เวลานั้น หากธนาคารบริหารผิดพลาดเพียงเล็กน้อย จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอย่างรุนแรง
(*การเอาสินทรัพย์เทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น ภาษาอังกฤษเรียกว่า asset to equity ratio เราสามารถคิดเองได้ง่ายๆ เพียงเปิดใน settrade. com แล้วเอามาหารกัน ถ้าค่านี้สูง อาจแปลความ (อย่างหยาบๆ) ได้ว่าบริษัทนี้กู้เงินมามาก โดยปกติแล้ว ธุรกิจอื่นๆ มักดูค่า “หนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น” หรือ debt to equity เป็นหลัก แต่เซคเตอร์แบงก์ d/e จะสูงมากด้วยธรรมชาติของธุรกิจ จึงต้องดูค่า a/e ประกอบด้วย)
ทั้งนี้ ความผิดพลาดส่วนใหญ่ของธุรกิจธนาคาร มักเกิดจากการที่ผู้บริหารของแบงก์ต่างๆ ชอบปล่อยกู้ตามๆ กัน แบงก์อื่นปล่อย เราก็ต้องปล่อยบ้าง ไม่ว่ามันจะงี่เง่าและไม่สมควรขนาดไหน พฤติกรรมเหมือนกับหนูเลมมิ่งที่แห่กันไปโดดน้ำตายยังไงยังงั้น (ลองนึกถึงที่ธนาคารใหญ่ๆ ของไทยปล่อยกู้ให้ SSI จะเห็นได้ว่าเหมือนกันมากๆ)
เนื่องจากเรื่องของการบริหารมีความสำคัญยิ่ง ปู่จึงไม่เคยสนใจซื้อหุ้นธนาคารที่ “บริหารไม่ดี” แต่ “ราคาถูก” โดยจะซื้อเฉพาะธนาคารที่ “บริหารดี” ใน “ราคายุติธรรม” เท่านั้น
นี่คือเหตุผลของการเข้าซื้อหุ้น เวลส์ ฟาร์โก้ ธนาคารยักษ์ใหญ่ ซึ่งมีผู้บริหารที่ยอดเยี่ยม โดยพวกเขายึดมั่นอยู่กับสิ่งที่รู้ และไม่ทำตามแบงก์อื่น

เบิร์คเชียร์ซื้อหุ้น เวลส์ ฟาร์โก้ ครั้งแรกในปี 1989 แต่แล้ว พอถึงปี 1990 ราคาหุ้นกลับร่วงลงถึง 50% ในเวลาไม่กี่เดือน
ปู่เล่าว่า ตอนนั้น ธนาคารดังๆ ต่างขาดทุนกันเป็นทิวแถว จากการปล่อยกู้โง่ๆ (ปู่ใช้คำว่า foolish) โดยเฉพาะสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่กลายเป็นหนี้เสียมโหฬาร ส่งผลให้ผู้คนขาดความเชื่อมั่น และมองธุรกิจแบงก์ทั้งหมดเป็นลบ จึงพากันขายหุ้นทิ้งแล้วหนีไปหาเซคเตอร์อื่น
แต่สำหรับปู่ นอกจากจะไม่ “ใจเสีย” แล้ว ยังซื้อหุ้นเพิ่มเยอะมาก โดยราคาที่เบิร์คเชียร์เก็บหุ้นเวลส์ ฟาร์โก้ ในปี 1990 อยู่ที่ p/e เพียง “5 เท่า” เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ และเพียง “3 เท่า” เมื่อเทียบกับกำไรก่อนหักภาษี เรียกได้ว่า ถูกจนไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว
รวมๆ แล้ว ปู่ใช้เงินไป 290 ล้านเหรียญ ได้หุ้นเวลส์ ฟาร์โก้ ประมาณ 10% โดยขณะนั้น แบงก์ชื่อดังแห่งนี้มีสินทรัพย์รวมถึง 56,000 ล้านเหรียญ และทำกำไรได้สูงกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น 20%
ปู่บอกว่า หากไปซื้อหุ้นธนาคารเล็กๆ ที่ทำผลงานได้ใกล้เคียงกัน แต่มีสินทรัพย์น้อยกว่าสิบเท่า แกอาจจะได้หุ้นทั้ง 100% แต่ต้องจ่ายแพงกว่านี้มาก และแบงก์พวกนั้นก็ไม่มีผู้บริหารเก่งๆ เหมือนของเวลส์ฟาร์โก้ด้วย
เพื่อประยุกต์กับสถานการณ์ที่หุ้นแบงก์ไทยราคาถูกอยู่เวลานี้ ผมขอสรุปบทเรียนจากปู่เป็นข้อๆ ดังนี้ครับ
หนึ่ง) สำหรับธุรกิจธนาคาร ผลประกอบการย่อมขึ้นอยู่กับการปล่อยกู้ของผู้บริหารเป็นสำคัญ จึงต้องเลือกแบงก์ที่ผู้บริหารเก่งมากๆ ดูประวัติการปล่อยกู้ว่าเขาเคยปล่อยกู้แบบงี่เง่าหรือเปล่า
โดยเฉพาะในเวลาที่เศรษฐกิจแย่แบบเมืองไทยเวลานี้ ความสามารถของผู้บริหารคือจุดชี้เป็นชี้ตายเลยทีเดียว
สอง) ถ้าได้ “ของถูก” ก็ดี
ปู่ซื้อเวลส์ ฟาร์โก้ ที่ p/e “5 เท่า” ลองดูสิว่าของเราที่เล็งไว้เป็นอย่างไร (ตอนนี้หลายๆ แบงก์หลักในไทย p/e แค่ 6-8 เท่า แล้ว)
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเน้นแต่ของถูกแล้วจะดี ต้องยึดข้อแรกเป็นหลักเอาไว้ก่อน
สาม) ธุรกิจธนาคารมีความเสี่ยงอยู่เสมอ เราต้องเอาอัตราส่วนทางการเงินมาดู และวิเคราะห์ความเสี่ยงให้เป็น ดูว่าธนาคารทำกำไรปกติได้เท่าไร ปล่อยกู้อยู่ประมาณไหน และหากเกิดความเสียหายขึ้นมา จะส่งผลสะเทือนแค่ไหน โดยให้มองไปถึง worst-case scenario หาก worst-case ยังรับไหว ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
ทั้งสามข้อนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทว่าถ้าทำได้ การลงทุนในหุ้นแบงก์ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไปครับ
วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2558
รวมเทคนิคเส้น ema 200
http://forex-exness-thailand.blogspot.com/2013/07/ema200.html
http://wizardkidtrader.com/2015/11/05/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99-ema-200-%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/
http://thaitraderblog.blogspot.com/2013/07/moving-average-ems-sma.html
http://www.thaiforexschool.com/viewfulldetial.php?id=225
http://wizardkidtrader.com/2015/11/05/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%99-ema-200-%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99/
http://thaitraderblog.blogspot.com/2013/07/moving-average-ems-sma.html
http://www.thaiforexschool.com/viewfulldetial.php?id=225
วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558
9 เหตุผล ทำไมต้องอ่านข่าวสารการลงทุน
9 เหตุผล ทำไมต้องอ่านข่าวสารการลงทุน!!
เพราะการอ่านข่าวหุ้นที่ดี ต้องรู้จักวิเคราะห์แยกแยะข้อเท็จ – จริง และมองให้เห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่... ลองมาดูเหตุผลทั้ง 9 กันค่ะ ^^
1. การอ่านข่าว ช่วยตอบข้อข้องใจหลายอย่างที่เราสงสัยเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นๆ ซึ่งเพื่อน หรือคนที่ให้หุ้นเรามานั้นตอบไม่ได้
2. การอ่านข่าว เป็นตัวแปรสำคัญ เพราะมันสามารถพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร หรือแม้กระทั่งพลิกกำไร เป็นขาดทุนได้เช่นกัน
3. การอ่านข่าว ทำให้เราเห็นถึงโอกาสการเติบโตของบริษัท และความเชื่อที่ว่า...เอฟเฟคของข่าวนั้นรวมอยู่ในราคาหุ้นอยู่แล้วนั้นไม่เป็นความจริง เพราะถ้าอย่างนั้นแล้ว คงจะไม่มีหุ้น 10 เด้ง!!
4. การอ่านข่าว เป็นการใช้เวลาที่ดีที่สุดแบบหนึ่งในการค้นหาหุ้นดีงามมาประดับพอร์ตของเรา
5. การอ่านข่าว เปลี่ยนชีวิตได้ เพราะอย่างน้อยเราจะได้รู้คร่าวๆว่าอะไรควรลงทุน อะไรควรหนี!! มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อย ที่พอร์ตโตขึ้นอย่างสวยงาม หลังจากได้ติดตามข่าวบางบริษัทฯอย่างใกล้ชิด!
6. การอ่านข่าว ทำให้เราได้รู้โอกาสทองมากกว่าคนขี้เกียจ และที่สำคัญ..โอกาสทองนี้ไม่มีใครแย่งเอาไปได้ (รู้ก่อน ซื้อก่อน ได้หุ้นถูกกว่าเพื่อน.. ^^)
7. การอ่านข่าว เป็นกิจกรรมยามว่างที่คุ้มค่าที่สุดแบบหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อมันทำให้เราเจอหุ้นในดวงใจ และทำให้เงินในกระเป๋าเราเพิ่มขึ้น
8. การอ่านข่าว ทำให้เรามีความรู้กว้างไกล มั่นใจมากขึ้นเวลาเคาะซื้อหุ้นแต่ละครั้ง
9. การอ่านข่าว ทำให้เราเป็นนักลงทุนที่สมบูรณ์ขึ้น.... (ข้อสุดท้ายนี่ใช่เลย)
**ปล. เคยมีคนบอกกับ Admin ว่าเมื่อเราลงทุนมาในระดับนึงแล้ว เราจะพบว่ากราฟเทคนิคนั้นตอบโจทย์ของการลงทุนได้แค่ระดับนึงเท่านั้น เพราะมันเป็นแค่เกณฑ์ซื้อขาย แต่สิ่งที่เค้าต้องค้นหาให้มากขึ้น ก็คือ โอกาสในการลงทุนค่ะ ^^. Credit fb efin
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)