วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556

แนวคิดจากตลาดหุ้นสู่ Forex ภาคต่อจากเว็บพันทิพย์ เรื่อง 7 วิธีการ trade หุ้นในตลาดหุ้นให้ได้กำไร และ โอกาสขาดทุนเป็น 0

บทความฉบับเต็ม


แนวคิดจากตลาดหุ้นสู่ Forex

Create byPipstep • 08/10/2013

บทความนี้ผมเขียนมาจากกระทู้หนึ่งในเว็ป พันทิป ซึ่งน่าจะเป็นห้องที่เกี่ยวกับวงการหุ้นตัวบทความจริง ๆ ชื่อ “7 วิธีการเทรดหุ้นในตลาดหุ้นให้ได้กำไรและโอกาสขาดทุนเป็นศูนย์” โดย user ชื่อ ภูพิงค์กับอิงดาว บทความนี้เค้าเขียนขึ้นมาจากการสังเกตลูกค้าของเขา (จขกท. เป็น มาร์เก็ตติ้งหรือมาร์) เขาสังเกตว่าลูกค้าที่ประสบความสำเร็จและลูกค้าที่ไม่ประสบความสำเร็จมีอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกัน ผมเลยเขียนบทความนี้ขึ้นมาโดยประยุกต์วิธีการในตลาดหุ้นมาเป็นของ Forex เพื่อจะเป็นแนวทางให้กับใครหลาย ๆ คนครับ
คนที่ 1: อดทนอย่างใจเย็น
ตัวเจ้าของกระทู้เล่าว่าลูกค้าคนนี้เป็นประเภทถือทนมาก ๆ ถือแล้วไม่ยอมขาย สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะตัวลูกค้าคนนี้ทำธุรกิจอย่างอื่นด้วยเลยไม่มีเวลามาดูกราฟ ไม่มีเวลานั่งเฝ้า อ่านบทวิเคราะห์ก็ไม่เป็น แต่สิ่งที่เค้าทำคือเค้ามองความเป็นจริงที่อยู่ใกล้ตัวของเขา ถึงแม้ว่าตัวคุณเจ้าของกระทู้จะโทรไปให้คำแนะนำเค้าบ้างแต่เค้าก็เลือกที่จะเชื่อตัวเองและเทรดตามวิถีทางที่ตัวเองถนัด หากเทียบเป็นตลาด Forex ลูกค้าคนนี้คงจะเป็นสายเทรดยาว (Long Term Trader) โดยที่เขาดูกราฟไม่เป็น ดูข่าวไม่เป็น แต่สิ่งที่เขามีคือความใจเย็นที่จะอดทนรอได้ในยามที่กราฟไม่เป็นใจและมีความมั่นใจในการบริหารเงินของตัวเอง
คนที่ 2: รักเดียวใจเดียว
คนนี้เป็นคนที่ชอบเล่นหุ้นอยู่ตัวเดียวด้วยเหตุผลที่ว่าเคยเอาเงินไปให้เพื่อนเทรดให้แล้วไม่ประสบความสำเร็จเลยเอามาจัดการเองซะเลย เจ้าของกระทู้เคยเสนอแผนการเทรดตัวอื่นหลาย ๆ ตัวไปให้แต่เขาก็ไม่สนใจ คนนี้พอจะมีเวลานั่งเฝ้ากราฟด้วย วิธีการเทรดของเขาคือใช้วิธีถัวซื้อไปเรื่อย ๆ ในงบที่จำกัดเช่น เห็นกราฟลงอีกก็ซื้อ ลงอีกก็ซ้ำอีก ในงบประมาณที่ตัวเองเอาอยู่หากเป็น Forex แล้ววิธีนี้ถือว่าคนคนนี้จะต้องมีการบริหารจัดการเงินที่ดีมากในระดับหนึ่งเลย เพราะถ้าลงอีกก็ซื้ออีกนั่นแปลว่าเขาไม่ได้ใช้วิธีการเทรดเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจสักเท่าไหร่ แต่ที่เขาเน้นคือ เงินของเขารับไหวไหมและพฤติกรรมของกราฟตัวนั้นเพียงตัวเดียว หากเปรียบเป็นนักพนันในคาสิโนแล้วคนประเภทนี้จะเล่นเกมส์อยู่เกมส์เดียวเพราะมีความเชื่อว่า ถ้าเราสามารถพยากรณ์พฤติกรรมของคนในเกมส์นั้นได้เราจะได้เปรียบและการที่ไม่กระจายเงินไปเล่นนั้นนิดนี้หน่อยก็ทำให้คนมีเงินมากพอที่จะทนถือได้นาน ๆ
คนที่ 3: เล่นแต่ของเคย ๆ
คนนี้หลักการง่าย ๆ ใกล้ ๆ เคียงกับคนที่สองคือ เล่นเฉพาะกราฟที่ตัวเองคุ้นเคยเท่านั้นและหลักการของเขาก็ยังไม่ยุ่งยากอีกด้วยคือ ไม่ไล่ ไม่คัน ไม่ง้อ ลงก็ซื้อ ไม่ลงก็ไม่เล่น คนนี้เขามีงบจำกัดเลยไม่เทรดแบบกระจายพอร์ต จะเห็นได้ว่าคน ๆ นี้มีวิถีที่ชัดเจนคือ เชื่อมั่นในตัวเองสูง ถึงจะมีงบที่จำกัดแต่ก็รู้มีวิธีที่จัดการงบของตัวเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด มี Mind และ Method ที่แน่นอนเลยก่อให้ Money ของเขาเกิดประโยชน์สูงสุดไปในทางที่เขาต้องการนั่นเอง
คนที่ 4: ค่อย ๆ สะสม
ลูกค้าของคุณเจ้าของกระทู้คนนี้ไม่ได้มีทุนมากมายเหมือนคนก่อนหน้า แถมยังมีเรื่องภาระค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวอีก เงินที่นำมาลงทุนเลยมีไม่มากนัก มีแต่ใจที่ชื่นชมวอเรน บัฟเฟตเป็นไอดอล วิธีการเทรดของเค้าก็ถือเค้าเทรดทุกตัวที่เค้าสนใจแน่นอนว่าบางตัวก็ไปได้สวย บางตัวก็ติดห้วยติดดอย แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมีภาระทางการเงินมากมายแต่เค้าก็ยังสามารถแบ่งเงินมาเติมพอร์ตในการลงทุนของตัวเองได้ทุกเดือน เทคนิคนี้สำหรับตลาด Forex ก็สามารถใช้ได้เหมือนกันครับเพียงแต่ว่าคุณต้องไม่ใจร้อนล้างพอร์ตไปก่อนนะครับ จากตัวอย่างนี้จะเห็นเลยว่าคนที่ 4 มีความมุ่งมั่นในการเก็บเงินที่จะนำมาลงทุนมาก นี่เป็นข้อดีอย่างนึงที่ทำให้เขามีทุนเทรดทั้ง ๆ ที่ทำงานไปด้วยและก็มีประสบการณ์การอยู่ในตลาดไปด้วยครับ
 

ผมขอสรุปสิ่งที่ 4 คนนี้มีเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีในการเทรดครับ
คนที่ 1: คนนี้มีความอดทนสูงเป็นอับหนึ่งครับรองลงมาคือเค้ามีทุนรองรับพอสำหรับการเทรดยาวของเค้า ข้อดีของเค้าคือเค้าไม่ต้องมากังวลเรื่องสวิงเล็กสวิงน้อยใน Time Frame เล็ก ๆ มากและที่สำคัญคือเค้ามีความเชื่อมั่นในตัวเอง ฟังคนอื่นได้แต่เลือกที่จะตัดสินใจเองถึงแม้ว่าที่ปรึกษาจะมีประสบการณ์มากกว่าก็ตาม
คนที่ 2: คนนี้เด่นที่เรื่องของการเทรดตัวเดียวและมีการบริหารเงินทุนที่เหมาะกับวิธีการเทรดของเค้าถึงแม้ว่าวิธีการเทรดของเค้าอาจจะดูเหมือนการพนันไปนิดนึงแต่ถ้าการบริหารทุนของเค้าสามารถรองรับพฤติกรรมการเทรดแบบนี้ได้ก็ถือว่าโอเคครับเพราะสไตล์ใครสไตล์มันแต่ละคนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากันอยู่ละ
คนที่ 3: เป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่มีงบในการเทรดอย่างจำกัดวิธีการเทรดของเค้ามีกฎที่ชัดเจนและตัวเค้าเองก็สามารถปฏิบัติตามกฏได้อย่างเคร่งครัด คนที่สามารถปฏิบัติตามกฏการเทรดของตัวเองได้อย่างเคร่งครัดจริง ๆ สิ่งหนึ่งที่ผมรับประกันได้เลยก็คือคุณจะไม่ล้างพอร์ตอย่างรวดเร็วแน่นอน
คนที่ 4: คนนี้เป็นตัวอย่างที่ในเรื่องของการบริหารจัดการทุน ไม่เพียงเฉพาะทุนในการเทรดเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงการบริหารเงินในชีวิตประจำวันของเขาอีกด้วย ผมค่อนข้างชอบคนที่ 4 ที่สุดด้วยเหตุผลที่ว่าถึงแม้ว่างบเขาจะมีจำกัดแต่เขาไม่เคยปล่อยให้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการหยุดการเรียนรู้เรื่องการลงทุนของเขา ดังนั้นถ้าถามว่าเทรด Forex จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอไหม บางทีลุกลากจอไปทำอย่างอื่นบ้างก็ช่วยเราได้เหมือนกันไม่ให้เป๋ไปกับกราฟ คนนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของคำว่า “ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเรียนรู้” การจะเป็นนักลงทุนที่ดีไม่ได้ใช้เวลาแค่ 3-4 เดือนแต่มันต้อง 3-4 ปีขึ้นไป ดังนั้นสำหรับเทรดเดอร์หน้าใหม่ที่เข้ามาผมอยากให้ดูคนนี้ไว้เป็นตัวอย่างนะครับ 
คุณไม่ต้องรีบร้อนที่จะรวย 
ไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานประจำมาทำ 
ไม่จำเป็นต้องไปยืมเงินคนอื่นมาลงทุน 
ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่นในการเทรด 
คุณก็สามารถเป็นเทรดเดอร์ที่เก่งได้หากคุณรู้จักคำว่า “อด-ทน-รอ”

ความจริงแล้วยังเหลืออีก 3 คนไว้วันพรุ่งนี้ผมจะมาพูดถึงอีก 3 คนต่อให้ครับ



บทความฉบับเต็ม


แนวคิดจากตลาดหุ้นสู่ Forex (ต่อ)

Create byPipstep • 09/10/2013

คนที่ 5: มุ่งแต่ปัจจุบัน
รายนี้ ไม่สนเดย์เทรด ไม่แคร์หุ้นพื้นฐานดี ไม่ศัทธาในปันผล ไม่มองอดีตไม่มองอนาคต มองแค่ว่า ปัจจุบันนี้ เมื่อไหร่ วันดีคืนดี หุ้นพรวดพราดลงแบบ panic หรือ เกิดวิกฤต นี่ แกซื้อทันตัวไหนแกซัดไม่เลี้ยง เน้นตัวเล็กๆที่ลงแรงๆและมี vol. คือ มีเท่าไรอัดเต็ม แล้วถือรอ หากเทียบเป็น Forex แล้วเทรดเดอร์คนนี้น่าจะเป็นสาย Price Action แน่ ๆ เพราะเค้าไม่สนใจอะไรเลยนอกจากราคาในปัจจุบัน ความจริงแล้วเทรดเดอร์สาย Price Action เป็นอะไรที่เรียบง่ายที่สุดในบรรดากลยุทธ์ต่าง ๆ แต่อีกสิ่งที่เทรดเดอร์สาย Price Action ต้องมีอย่างเหมาะสมนั่นก็คือเรื่องของการบริหารจัดการทุนที่ดีด้วยเช่นกัน
คนที่ 6: รักษาต้นทุนและถอนกำไร
คนนี้แกไม่เน้นพอร์ตโต แต่แกเน้นได้เรื่อยๆ ได้ทุกรอบทุกวันยิ่งดี คนนี้เล่นกับมาร์จินเป็นหลัก วิธีบริหารคือเมื่อ equity เพิ่มขึ้น มากกว่าทุน เขาจะขาย แล้วถอนเงินออก เช่น equity เริ่ม วาง 4 ล้าน ผ่านไปเพิ่มเป็น 4.5 ล้าน ช่อง debt เป็น 0 เขาจะถอน เจ้า 500,000 นั่นแหล่ะ เขาจะรักษาพอร์ตให้เงินต้นคงอยู่ ไม่หายพอร์ตไม่เคยโต แต่ไปเพิ่มทรัพย์สินข้างนอกโดยการ เอาเงินก้อนที่ได้แต่ละรอบไปจัดสรร ทำนั่นนี่ แบ่งซื้อทองซื้อที่เก็บ จนที่ดินบางแปลงขายได้กำไร2-3 เท่าก็มี เงินที่เจียดไปซื้อทาวเฮาส์ คอนโดปล่อยเช่าก็งอกเงย วิธีนี้กับ Forex ก็จะสามารถใช้ได้เหมือนกันครับแต่ไม่เป็นที่นิยมสำหรับเทรดเดอร์ที่เริ่มต้นด้วยเงินเทรดน้อย ๆ (ต่ำกว่า 3000$ ลงไป) เพราะจะรู้สึกว่าได้กำไรน้อยและไม่อยากจะถอนเงินออกมาใช้และที่สำคัญคือน้อยคนที่จะทำกำไรได้สม่ำเสมอ วันนี้อาจจะถอนวันต่อไปอาจจะติดลบยาวหรือบางคนเกิดความโลภเอากำไรที่ได้เป็นตัว overlot สุดท้ายน่าจะลงเอยยังไงน่าจะรู้ ๆ กันนะครับ
คนที่ 7:  เทพเจ้าแห่ง Money Management
คน ๆ นี้เป็นนักบัญชีครับเขาเลยเก่งในเรื่องของการบริหารจัดการเงินเป็นอย่างมาก คนนี้ไม่สนวิธีการเทรดแบบใด ๆ ทั้งสิ้นว่าง่าย ๆ คือแถบจะตัด Method ทิ้งไปเลยสนใจแต่เรื่องของ Money Management มองว่าถ้าขึ้นเท่านี้จะได้เท่าไหร่ ลบเท่านี้รับได้แค่ไหน ถ้าบวกประมาณนี้แล้วปิดจะทำอย่างไรกับพอร์ตต่อไป
 

เอาละทีนี้เรามาวิเคราะห์เป็นคน ๆ กันครับ
คนที่ 5: ถือว่าคนนี้แนวคิดดีตั้งแต่ต้นครับ เพราะว่าการเทรดเราต้องอยู่กับปัจจุบันครับอย่าไปพยายามคิดแทนกราฟเพราะบางทีมันก็ไม่เป็นไปตามที่เราคิดถึงแม้ว่าเราจะถูกสอนมาว่า Hammer คือรูปแบบกลับตัวแต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะเป็นเพียงการชะลอตัวก็ได้ครับ คำถามนะมันอยู่ที่ว่า.......
ตอนที่มันชะลอตัวคุณมีแผนการเงินอย่างไร?
ตอนที่มันชะลอตัวคุณนิ่งแค่ไหน? คุณมั่นคงกับความคิดตัวเองแค่ไหน?
ตอนที่มันชะลอตัวมันอาจจะวิ่งไปในทิศทางเดิมต่ออีกสักหน่อย คุณอดทนรอได้ไหม?
สำหรับคนที่ 5 นี้นอกจากจะแนวคิดดีแล้ว การบริหารเงินยังถือว่าเยี่ยมยอดอีกด้วยจึงไม่แปลกครับที่เขาจะสามารถทำกำไรในตลาดหุ้นได้
คนที่ 6: วิธีของคนที่ 6 สำหรับผมผมมองว่าเหมาะกับคนเทรดยาวมากกว่าครับ เพราะตลาด Forex ที่เราเล่นไม่เหมือนกับตลาดหุ้น หากฝีมือคุณไม่ถึงแล้วถอนรายวัน มันจะเป็นการจำกัดตัวเองมากไปเช่นคุณอาจจะไม่ถนัดเทรดใน sideway แต่เพราะคุณบอกกับตัวเองว่าต้องถอนทุกวัน ตรงนี้ละที่จะทำให้คุณเสียเงิน ดังนั้นวิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีแต่ต้องใจเย็น แต่สำหรับคนที่มีทุนสูง ๆ แล้ววิธีนี้เป็นวิธีที่ดีมากเพราะนอกจากคุณจะได้กำไรแล้วมันยังส่งผลดีในแง่ของสุขภาพจิตเพราะคุณสามารถถอนมาแล้วใช้ได้เลย สมมุติว่าคุณมีทุน $5000 เทรดที่ 10% ของทุนก็คือ 0.5 lot คุณสามารถถอนออกมาใช้วันละ $100 ได้สบาย ๆ
คนที่ 7: ไม่ว่าคุณจะรวยหรือจนขอเพียงคุณมี Money Management ที่ดีผมกล้ารับประกันว่าคุณไม่มีทางอดตายแน่นอน MM เป็นสิ่งที่จำเป็นเสมอตราบใดที่เงินยังไม่กลายเป็นกระดาษชำระนะครับ วิธีของคนที่ 7 ไม่ได้ผิดอะไรครับ ผมยังมองว่าดีด้วยซ้ำ เพราะถ้ามองแบบนี้คุณสามารถเล่นตัวไหนก็ได้ เทรดอะไรก็ได้ แม้แต่เล่นการพนัน (บางประเภท) ให้ชนะยังสามารถทำได้เลยครับ
นี่ละครับ 7 คน 7 อย่าง 7 แบบ สิ่งที่ผมสังเกตเห็นจากพวกเขาทั้ง 7 คนที่เขามีเหมือนกันเลยมีอยู่ 2 อย่างคือ พวกเขามีการบริหารจัดการทุนที่แน่นอนและสามารถปฏิบัตตามได้ด้วย ถึงแม้แต่ละคนจะมีวิธีการเทรดที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่ทุกคนมีร่วมกันก็คือการบริหารจัดการเงินที่ดีจึงทำให้ตัวเองสามารถอยู่รอดในตลาดได้ สิ่งสำคัญอีกอย่างที่พวกเขามีคือ ความเชื่อมั่นในความคิดตัวเอง ถึงแม้ตัวเจ้าของบทความจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีแต่หากตามไปอ่านบทความจริง ๆ ของเขาจะเห็นเลยว่า บางคนฟังแต่เลือกที่จะไม่ทำตาม นั่นแปลว่าพวกเขาพร้อมที่จะยอมรับผลที่ตามมาเรียบร้อยแล้ว ปรึกษาได้แต่สุดท้ายการตัดสินใจต้องอยู่ที่เราไม่ใช่ตัดสินใจตามคนอื่น เชื่อตัวเองหน่อยครับ คนที่เขาประสบความสำเร็จเขาก็มี 32 ประการเป็นมนุษย์เดินดินเหมือนคุณนี่ละ เจ้าของบทความได้พูดไว้ว่าอย่างนี้ครับ
“เคยถามค่ะว่า ทำไมไม่อ่านบทวิเคราะห์ที่ส่งให้คะ เขาตอบว่า " อ่านไปมากๆ แล้วเขว สู้อ่านเนื้อข่าวแล้วมาประเมินตาม ที่เรามองเราคิดจะดีกว่าเพราะไม่มีอคติในเนื้อข่าว แต่ ในบทวิเคราะห์นั้น คนวิเคราะห์เขาใส่ความเป็นเขาลงไปค่ะ ดังนั้น เขาประเมินกะเราประเมินเอง ผลลัพธุ์จริงออกมาต่างกันเพราะ “ไม่มีใครจะรู้การเงินของเราได้ดีเท่าตัวเรา”
Sourcehttp://pantip.com/topic/31063547
               http://www.thaiforexschool.com/viewfulldetial.php?id=357

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น