วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

รีวิวหนังสือ เล่นหุ้นเป็นระบบก็รวยได้ กับหยงชวนเทรด ศึกษาไว้เอาไว้ทำ my map blog การจำเนื้อหา

http://iyom-bookviews.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2.html

หนังสือ “เล่นหุ้นเป็นระบบ คุณก็รวยได้”

Trading System : The way you can rich from stock market

รายละเอียด

ผู้เขียน :  ชัยภัทร เนื่องคำมา (Cway Investment)
สำนักพิมพ์ : Think Beyond
ราคา : 225 บาท

เล่าเรื่องเนื้อหา

ภายในเล่มจะแบ่งออกเป็น 7 บท คือ
บทที่ 1 : บทนำ (Introduction)
บทที่ 2 : การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)
บทที่ 3 : ดัชนีราคา (Price Indicator)
บทที่ 4 : การวิเคราะห์ปริมาณซื้อขาย (Volume Analysis)
บทที่ 5 : ระบบเทรด (Trading System)
บทที่ 6 : บริหารจัดการเงิน (Money Management)
บทที่ 7 : จิตวิทยาการลงุทน (Trading Psychology)

iYom reviews

หนังสือการลงทุน แนวเทคนิคอล ผสมผสานกับการเทรดที่เป็นระบบ (Trading Systems) เหยาะด้วยแนวคิดในการลงทุน จึงทำให้หนังสือเล่มนี้มีรสชาติเข้มข้นทีเดียว น่าจะเป็นเพราะว่าผู้เขียน คือ คุณชัยภัทร มีประสบการณ์การเทรดหุ้นโดยใช้ระบบเทรดมาโชกโชน โดยได้นำประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังผ่าน บล็อก cway-investment ซึ่งผมก็ติดตามอ่านอยู่ ต้องบอกว่า การเทรดเป็นระบบ (Trading Systems) สำหรับผมค่อนข้างเป็นเรื่องใหม่ทีเดียว เพราะตัวเองยังไม่มีประสบการณ์เทรดแบบเทคนิคอลเลยด้วยซ้ำ เล่มนี้จึงต้องใช้ความพยายามในการทำความเข้าใจพอควรเลยนะเนี่ยะ (เห็นทีว่าครานี้ สงสัยคงต้องไปเปิดพอร์ตลองเจ็บตัวดูก่อน จึงจะเข้าใจได้มากขึ้น) แต่ถึงยังไงก็พอจะสรุปออกมาได้คร่าวๆ ในแต่ละบทตามข้างล่างเลยครับ

บทที่ 1  : บทนำ (Introduction)

Fibonacci Number- การจับจังหวะการเข้าซื้อหรือขายหุ้นไม่จำเป็นต้องถูกต้อง 100% แต่สิ่งที่ต้องตระหนัก คือ เมือผิดพลาดผิดทาง ต้องรู้จักยอมรับและหยุดการขาดทุนทันที
– แม้เป็นการลงทุนระยะยาว (หรือ VI) การจับจังหวะก็มีความจำเป็น เพราะการที่เรามีเงินลงทุนน้อย ไม่สามารถหว่านซื้อหุ้นได้มากมาย ดังนั้น การซื้อหุ้นในราคาที่ถูกได้นั้น หมายถึงการใช้เงินอย่างรู้คุณค่า
(ข้อนี้โดนมากะตัว แต่ก่อนเรียกตัวเองว่า VI ซื้อเมื่อไหร่ ดอยเมื่อนั้น พักหลัง หลังจากศึกษาและพอมีวิชาเทคนิคอลติดตัวบ้างเล็กน้อย ก็ลดอาการดอยลงไปได้บ้าง ฮ่าฮ่า…)
– Body ของแท่งเทียนยิ่งยาวยิ่งแสดงถึงการ Bullish (พี่กระทิงมา) มากๆ
– DOJI คือ ช่วงที่ราคาเปิดและราคาปิดมีค่าเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก

บทที่ 2 : การวิเคราะห์แนวโน้ม (Trend Analysis)

– อย่าพยายามจินตนาการ (คาดหวังว่าราคาหุ้นจะเป็นงี้ เป็นงั้น) เพราะราคาหุ้นไม่เคยหลอกเรา แต่สิ่งที่กำลังหลอกเราคือ จิตใจของเราเอง

การวิเคราะห์แนวโน้ม Trend Analysis

บทที่ 3 : ดัชนีราคา (Price Indicator)

– ดัชนีราคา ใช้ค่าราคา ณ ช่วงเวลาต่างๆ มาคำนวณ ดังนั้น เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว การย้อนกลับมาดูดัชนีราคามันจึงสมเหตุ สมผล
– การใช้ดัชนีราคาแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือ
1. กลุ่มของ Trend : ราคาหุ้นมีแนวโน้มชัดเจน เช่น EMA, MACD, Bollinger Band และ Band Indicator
2. กลุ่มของ Oscillator : วัดความแกว่งของราคา เพื่อระบุสัญญาซื้อขายในช่วงราคาแกว่งตัวในกรอบ มีทั้ง RSI, STO และ ADX (DMI)
– กรณีแท่งเทียนลอยสูงกว่า EMA เส้นสั้นมากจะแสดงถึงแรงซื้อที่มาก ราคามีการปรับตัวขึ้นสูงเข้าข่าย Overbought
ดัชนีราคา Price Indicators

บทที่ 4 : การวิเคราะห์ปริมาณซื้อขาย (Volume Analysis)

– มีดัชนีเชิงปริมาณสองตัว (Volume Indicators) คือ
1. OBV (On Balance Volume) : ใช้วัดการแกว่งตัว
2. VAD (Variable Accumulation Distribution) : ใช้วัดการแกว่งตัว
– การติดตามกระแสเงินต่างชาติ ควรพิจารณารูปแบบความต่อเนื่องของแรงซื้อ และติดตามดูยอดซื้อขายสะสมมากกว่า

การวิเคราะห์ปริมาณซื้อขาย

บทที่ 5 : ระบบเทรด (Trading System)

แบ่งออกเป็น 3 ส่วน หลัก คือ
ส่วนที่ 1 Trade Algorithm : การวิเคราะห์เชิงเทคนิค ที่เราจะนำมาสร้างเป็นเงื่อนไขการเข้าหรือออก (Entry & Exit) ในการเทรดหุ้น ประกอบด้วย
1. Trend Following : ขี่ตามแนวโน้ม
2. Zoning System : จับจังหวะทยอยซื้อหุ้นปันผล
3. Breakout System
4. Swing Trading : ซิ่งไปตามแนวโน้มย่อย
5. Volatility System : เต้นไปตามความผันผวน
ส่วนที่ 2 Money Management : บริหารจัดการเงินของเรา ให้อยู่ในความเสี่ยงที่จำกัด ประกอบไปด้วย
1. Money Management System : กำหนดขนาดเงินลงทุน
2. Risk Reward Ratio : สัดส่วนเกราะทองคำ เพื่อวางแผนการลงทุน
3. Expectancy
4. Cut Loss
– การ Cut Loss เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็รู้ แต่ที่ทำไม่สำเร็จก็เพราะไม่ได้วางแผนเตรียมรับมือมาก่อน
5. Trilling Stop : ป้องกันการขาดทุน หรือ การหยุดการขาดทุนกำไร
6. Port Folio Analysis
7. ป้องกันความเสี่ยงด้วย TFEX
ประเด็นอื่นๆ
– การทำ Money Management เป้าหมายคือ การจำกัดผลกระทบต่อการขาดทุนต่อเนื่อง
ส่วนที่ 3 Trading Psychology : ใจและวินัยในการยึดมั่นต่อระบบที่เราพัฒนา
เคล็ดลับการบริหารเงิน- สิ่งสำคัญในการเก็งกำไร อาจไม่ใช่ที่ราคาถูกหรือแพงเพียงอย่างเดียว แต่แนวโน้มความต่อเนื่องของราคาในขณะนั้นมีความสำคัญยิ่งกว่า
– ควรจะมีเป้าหมายผลตอบแทน ทั้งระยะสั้น (ไตรมาส แต่ใครจะเป็นรายวัน ก็ลองดูนะครับ) ระยะยาว (ปี) เป้าหมายนั้นจะใช้ เพื่อวางกลยุทธ์บริหารการลงทุน และใช้เปรียบเทียบผลการลงทุนกับผลตอบแทนโดยรวมของตลาดหุ้นด้วย
– หุ้นทุกตัว มันมีรอบที่จะเข้าไปทำกำไร เราจะต้องจับจังหวะให้ถูก เพื่อสามารถเก็งกำไรรายรอบตามทิศทางของ Fund Flow
– อย่าพยายามมองเงิน ที่ได้หรือเสียจากการลงทุน เป็นมูลค่าที่เทียบกับสิ่งของ สินค้า ที่เราต้องการในโลกจริง เพราะมันจะทำให้จิตเราอ่อนแอได้ง่ายๆ ประมาณว่า หัวใจสะออน (แสดงความแก่เลยเรา)
– การเทรดในหนึ่งครั้งจะแพ้หรือชนะ ก็เป็นส่วนหนึ่งในความน่าจะเป็น ไม่มีนัยอะไรให้เราต้องดีใจหรือเสียใจ เพราะถ้าเราคิดใช้ระบบเทรดในการลงทุน ต้องมองภาพรวมในระยะยาว
เคล็ดลับการเล่นหุ้น
– “ความกลัว” รู้จักมัน ด้วยระบบการลงทุนและการบริหารจัดการเงินทุน การตั้งการจำกัดการขาดทุน จะทำให้เราแปลงสภาพของความกลัวจากนามธรรม (ประมาณว่า หลอน วิตกจริตไปเรื่อย) ให้เป็นรูปธรรมในเชิงตัวเลขที่จับต้องได้ ซึ่งจะช่วยให้เรารับมือกับความกลัวนั้นได้
– “ความโลภ” รู้จักมัน ด้วยการวางแผนการลงทุน จะได้รู้ผลตอบแทนที่ได้ตั้งไว้ ซึ่งความพอใจจะเข้าไปสกัด ความโลภ หรือไม่คือ พอได้อย่างเป้าที่ตั้งไว้ ที่เหลือ ก็คือ ความโลภของตรูล้วนๆ
– เคล็ดลับการเล่นหุ้นอยู่ที่ใจ
– ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ข่าวหรือเหตุการณ์จะออกมาอย่างไร แต่นัยอยู่ที่นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากตอบสนองต่อข่าวและเหตุการณ์อย่าวไรมากกว่า
– อ้างอิงถึงรายการ TED Talks ที่คุณ Dan Ariely นักเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Economics) พูดในหัวข้อ “การตัดสินใจของเราเป็นของเรา จริงๆ หรือ?” สามารถเลือกซับเป็นภาษาไทยได้ครับ ตรงแถบวีดีโอ ครับ
(ส่วนตัวผมก็อ่านหนังสือของเขา ในเรื่อง พฤติกรรมพยากรณ์ (Predictably Irrational) ชอบเลยละครับ เป็นอีกเล่มที่น่าสนใจนะครับ ไว้มีโอกาสจะมารีวิวอีกหนึ่งเล่ม)
ระบบเทรด Trading system

ระบบเทรด 2

ค่อนข้างยาวทีเดียวครับสำหรับการรีวิว หนังสือ “เล่นหุ้นเป็นระบบคุณก็รวยได้” เพราะมีเนื้อหาที่เข้มข้นมากจากที่บอกไว้ โดยเฉพาะทฤษฏีการบริการหารจัดการเงิน (Money Management) ที่มาใช้ผนวกกับทฤษฎีการเทรดอย่างเป็นระบบ (Trading System) แม้บางครั้ง บางคราจะทำให้มือใหม่อย่างผม งงงวยไปบ้าง แต่ก็ต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้สอนทั้งทฤษฎี + วิธีปฏิบัติ + แนวคิด ได้อย่างแจ่มแจ้งอีกหนึ่งเล่ม  ถึงแม้โดยเนื้อหาส่วนใหญ่จะออกไปทางการลงทุนในสายเทคนิค แต่สำหรับผมกลับคิดว่า เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคนมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นสายเทคนิค สายมูลค่า (Value Investor) หรือสายแมงเม่า ก็น่าจะมีไว้อ่านเพือเสริมสร้างอาวุธทางปัญญาติดตัวไว้ ให้สามารถเอาตัวรอดจากสมรภูมิตลาดหุ้น ที่ปีนี้อาจจะมีท่ายากให้เราลุ้นกันตลอดก็เป็นได้


หยงเกิดมาเทรด

http://iyom-bookviews.com/%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%87-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%94.html

หนังสือ “หยง เกิดมาเทรด”

รายละเอียด

ผู้เขียน :  ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ (หยง)
สำนักพิมพ์ : stock2morrow
ราคา : 225 บาท

เล่าเรื่องเนื้อหา

ทั้งหมดมีอยู่ 40 บท ซึ่งเท่าที่ดูน่าะมีแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ
ส่วนที่ 1 : แนวคิด จิตวิทยาในการลงทุน จะอยู่ในบทที่ 1-17
ส่วนที่ 2 : Technical Analysis + ผลิตภัณฑ์ / สินค้า Trade จะอยู่ในบทที่ 18-27
ส่วนที่ 3 : Money Management บทที่ 28-40

iYom reviews

เป็นหนังสือแนวการลงทุน หรือพูดง่ายๆ ก็เล่นหุ้น น่านแหล่ะ ที่เน้นไปทางสายการวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือ Technical Analysis แต่ “หยง เกิดมาเทรด” เล่มนี้ จะไม่ได้เน้นหนักทางด้านทฤษฎีเท่าไหร่ จะเน้นไปที่หลักการคิดของคุณหยง ที่เป็นนักลงทุนมืออาชีพ และนำประสบการณ์การเทรดมาเล่าให้ฟังกัน ส่วนตัวผมไม่ค่อยมีความรู้ทางสายเทคนิคมากเท่าไหร่ เพิ่งมาอ่านและศึกษาอย่างจริงจังขึ้นมาบ้างก็ตั้งแต่ปีที่แล้วเอง จุดเริ่มต้นก็มาจากอ่านหนังสือของ คุณภาววิทย์ กลิ่นประทุม ในชุดแกะรอยหยักสมอง นั่นแหล่ะครับ (ไว้มีเวลาจะ review เพิ่มครับ) ซึ่งทั้งสองเล่มมาจากสำนักเดียวกันนั่นเอง ที่จริงเล่มนี้ได้มาเพราะคนแนะนำ แกมบังคับให้อ่านด้วยครับ  ศึกษามาก็ปีกว่าตอนนี้ก็ยังไม่กล้าลงไปเจ็บจริงสักเท่าไหร่ ได้แต่มองกราฟ ขีดเส้นโน้นบ้าง ตีเส้นนี้บ้าง เอ่อมันก็มันส์ดี เพราะเรายังไม่ได้เอาเงินไปลงนั่นเอง เอาแต่สมมติฐานไปทดสอบก็แค่นั้น ส่วนตัวเห็นมีบางจุด บางคำ น่าสนใจ ขอจดไว้ทบทวนภายหลัง (เผื่อวันหน้าเจ็บจริง หรือใครกำลังเจ็บอยู่ จะได้ช่วยเตือนสติ สำรวจตัวเองกันดูสักครา)

ส่วนที่ 1 : แนวคิด จิตวิทยาในการลงทุน

– เวลาตลาดเปิด /ปิด
TOCOM เช้า เปิด 7.00-11.00 น. , บ่าย เปิด 13.00
ฮั่งเส็งฟิวเจอร์ เช้า เปิด 8.00-11.30 น., บ่าย เปิด 13.30
AFET เช้า 10.00-15.45 น.
SET เช้า 10.00-12.30 น., บ่าย เปิด 14.30-17.00 น.
TFEX เช้า 9.45-12.30 น., บ่าย เปิด 14.30-16.45 น
(มีใครรู้รายละเอียดเพิ่มเติมหรือผิดถูกอะไรก็แจ้งได้นะครับ)
– ทุกครั้งที่ซื้อหรือขายต้องประเมินว่า นิ่คือ โอกาสที่เสี่ยงต่ำสุด ไม่ใช่จุดที่ทำกำไรมากสุด
– เราจะบริหารความโลภอย่างไร ? การแยกเงินออกจากตัวเองบริหารอยู่ใน Port นั่นเอง
– การลงทุนมีคุณสมบัติสองข้อ
1. เงินลงทุนจะต้องเพิ่มมูลค่า ตลอดๆ (ทุนโต)
2. จะต้องสร้างกระแสเงินสดให้เราได้อย่างต่อเนื่อง โดยเราอาจได้รับปันผลหรือแบ่งขายทำกำไรออกมาเป็นส่วนๆ
– หัวใจของการสร้างความมั่งคั่งนั้น ไม่ใช่การหาเงินก้อนใหญุ่สุดๆ แต่คุณต้องสร้างสินทรัพย์ที่สร้างกระแสเงินสดให้มันโตที่สุด
– ถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำอยู่นี้ จะทำให้ใกล้เป้าหมายมากขึ้นหรือไกลออกไป เราต้องโฟกัสเฉพาะเรื่องที่ทำให้เราถึงเป้าหมายเท่านั้น แม้กระทั่งสุดท้ายแล้วไปไม่ถึง เราก็ยังสามารถมองกลับมาเป็นประสบการณ์ได้
– คำว่า “หน้าที่” มันต่างจากคำกว่างานหรือ job เพราะถ้าเป็นงาน คุณอาจจะไม่อยากทำก็ได้ แต่สำหรับหน้าที่ม มันคือ “ความผูกพัน”
– วิธีการที่จะวางผังพอร์ตให้กับสินค้าฟิวเจอร์ ซึ่งมีขนาดไม่เท่ากัน ให้สมดุลนั้น อย่าไปดูที่มูลค่าหรือจำนวนสัญญา ดูที่เงินตัวเองว่าเทรดได้เท่าไหร่ เอาเินเราเป็นที่ตั้งนะ
– วิธีการหนึ่งที่จะทำให้่เราค้นพบตัวเองได้เร็วที่สุด คือ การเขียนบันทึกหรือไดอารี่เกี่ยวกับการเทรดในแต่ละวัน (Trade log)

ส่วนที่ 2 :  การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis)

การวิเคราะห์ทางเทคนิค- ในขาลงถ้าเรายังไม่เห็นจุดต่ำสุดของรอบ นั่นแปลว่ายังไม่ควรซื้อ ส่วนในขาขึ้นถ้าการขึ้นของราคายังไม่ใช่จุดสูงสุดของรอบ การเข้า Short จะอันตรายมาก
– ธรรมชาติของหุ้นจะมาเป็นรอบๆ สามแบบ คือ Uptrend, Downtrend และ Sideway รอบขาขึ้น ขึ้นแล้วทำ Higher low สูงขึ้น นั่นแปลว่าจะขึ้นต่อ รอบขาลงคือ การลงมาสร้างฐานต่ำลงเรื่อยๆ
– การดูจะเริ่มจาก Momentum แล้วก็มาดู Trend แล้วถึงมาดู Price แต่การสอนจะตรงกันข้าม Price > Trend > Momentum
– ไส้เทียนที่เป็นไส้ยาวๆ ข้างล่าง แปลว่า มันมีการเทขายหุ้นออกมา แต่ด้วยเหตุผลบางประการนักลงทุนอาจมองว่า ราคาที่ขายลงมาถูกเกิ๊น จึงต้องไล่ซื้อกลับ (รูป หน้า 147)
– หุ้นนั้นใช้เทคนิควิเคราะห์ก็ดี แต่ต้องมีปัจจัยพื้นฐานมาเสริมด้วย
– สรุป แนวคิดการวิเคราะห์ทางเทคนิค
หยง_เกิดมาเทรด_technical_concept

ส่วนที่ 3 : Money Management

– ถ้าเราเริ่มต้นเทรดที่ 80% ของพอร์ต ครั้งต่อไปก็ต้องเทดรที่ 80% เท่าเดิม ไม่ต่ำกว่านี้ และเมื่อพอร์ตมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะต้องไม่เทรดลดลงมาเช่นกัน
เคล็ดลับการจัดพอร์ต
– โครงสร้างการเงินจะต้องมีสามส่วน (รวย + มั่งคั่ง + มั่งคง)
1. ลงทุนเน้นการเก็งกำไร : เงินมันจะโตเร็ว
2. ลงทุนเน้นสร้างกระแสเงินสด : ใช้เพื่อเลี้ยงเราในอนาคต โดยที่มันต้องมากกว่าค่าใช้จ่ายประจำของเรา และเป็นจุดสร้างความมั่งคั่ง
3. เงินออม : เพื่อใช้เป็นฐานของชีวิต เผื่อกรณีฉุกเฉิน โดยแบ่งมาจากข้อ 1 และ 2 นั่นเอง
– มีเงินมากเท่าไหร่ มันไม่ใช่คำตอบ จริงๆ แล้ว จะต้องมีกระแสเงินสดเข้ามามากกว่าค่าใช้จ่ายต่างหาก
– เทรดเดอร์ ที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ใช่มีเทคนิคการเทรดขั้นเทพ แต่เป็นคนบริหารพอร์ตำด้ดีเยี่ยมต่างหาก
– องค์ประกอบสามอย่างที่เทรดเดอร์ควรต้องมี คือ จิตวิทยา + การบริหารเงิน + เทคนิคอล
– เมื่อเราบริหารพอร์ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ พอร์ตไม่ควรสวิงขึ้นลงมากกว่า 10%
– “Don’t let it get expensive” ชีวิตเราถือว่าเป็นสิ่งที่ราคาแพงที่สุดแล้ว ถ้าเราทำอะไรถึงเป้าหมายแล้วยังไม่เลิก มันก็เหมือนกับการผูกมัดทางใจ เหมือนกับสร้างห้องกักขังทางใจไว้กับความฝันที่วาดไว้ เราจะ “Move on” ไม่ได้
จบท้ายด้วย “ความศรัทธาของคนเราเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะตอนที่ทุกอย่างราบรื่น ไม่ว่าอะไรคุณก็จะไม่บ่น แต่พอเจอปัญหาที่แทบไม่เห็นทางออก ตอนนั้นมันต้องอาศัย ศรัทธา ความเชื่อ ความรักในสิ่งที่ทำ ซึ่งจะนำพาเราก้าวผ่านอุปสรรคไปได้”

สำหรับ “หยง เกิดมาเทรด” เล่มนี้ อย่างที่บอก ไม่ค่อยเน้นทฤษฏีเกี่ยวกับเทคนิคอล เป็นเรื่องของแนวความคิด+จิตวิทยาล้วนๆ ส่วนตัวแล้วชอบในเรื่องของข้อคิดเกี่ยวกับความมั่งคั่ง เพราะก่อนหน้านี้ มักจะได้ยินคนพูดกันบ่อยๆ ว่าอยากมีอิสรภาพทางการเงิน จนตัวเองมาเข้าสู่ตลาดหุ้น เพราะอยากมีอิสรภาพทางการเงินกะเค้าบ้าง นึกอยู่ในใจแล้วมันเป็นอย่างไรหว่า ซึ่งคุณหยงได้ อธิบายเกี่ยวกับการที่เราจะมีอิสรภาพทางการเงินได้นั้น มันจะต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง (อ่านได้จากข้างบน) เอาเป็นว่าเล่มนี้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการขยายกรอบความคิด ปรับทัศนคติ ตัวเองในการลงทุน แต่ถ้าต้องการทฤษฎี นับคลื่น อีกา หัว ไหล่ ตูด (เอ้ย ไม่ใช่) หวั่นใจว่า คงต้องผ่านไปเล่มอื่นแทนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น